สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยกับเรื่องการรับเด็กจบใหม่เข้าทำงานเนี่ยแหละครับ จากที่เคยคลุกคลีมาบ้างทั้งในฐานะคนเคยเป็นเด็กจบใหม่ และก็ในฐานะคนที่ต้องมีส่วนร่วมในการเลือกน้องๆ เข้ามาในทีม
จุดเริ่มต้นของการมองหา “เด็กจบใหม่”
เรื่องมันเริ่มจากตอนนั้นทีมงานขาดคนครับ โปรเจกต์ก็ล้นมือ คนเก่าก็ทยอยออกไปเติบโตที่อื่น หัวหน้าก็เลยเปรยๆ ขึ้นมาว่า “ลองดูเด็กจบใหม่ไหม น่าจะยังพอหาได้ง่ายกว่าคนมีประสบการณ์ในช่วงนี้ แถมงบประมาณเราก็จำกัดด้วย” ตอนนั้นผมก็พยักหน้าเห็นด้วย เออ ก็น่าสนใจดีนะ ได้คนรุ่นใหม่ๆ ไฟแรงๆ เข้ามา ก็น่าจะดี

กระบวนการที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
พอประกาศรับสมัครไปเท่านั้นแหละครับ โอ้โห ใบสมัครส่งมาเพียบ อ่านกันตาแฉะเลย แต่ประเด็นคือ ส่วนใหญ่โปรไฟล์จะคล้ายๆ กันไปหมด จบสาขาเดียวกัน เกรดใกล้เคียงกัน ทำกิจกรรมคล้ายๆ กัน ตอนสัมภาษณ์นี่แหละครับ ที่เริ่มเห็นความแตกต่าง
- บางคน: เตรียมตัวมาดีมาก ตอบฉะฉาน มีแพสชั่น อยากเรียนรู้งานจริงๆ อันนี้เห็นแล้วชื่นใจ
- บางคน: ดูยังงงๆ ไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรกันแน่ หรือไม่รู้ว่าตำแหน่งนี้ทำอะไรบ้าง แค่เห็นว่าบริษัทชื่อดีก็สมัครมา
- บางคน: เรียกเงินเดือนสูงลิ่ว เทียบเท่าคนมีประสบการณ์ 2-3 ปี พอถามว่าทำไมถึงเรียกเท่านี้ ก็ตอบว่า “เพื่อนๆ ก็เรียกกันประมาณนี้”
ความท้าทายมันอยู่ตรงนี้แหละครับ เราจะเลือกใคร? คนที่ดูเก่งแต่เรียกเงินสูง หรือคนที่ดูพอใช้แต่เรียกเงินตามโครงสร้าง หรือคนที่ดูมีแววแต่ยังต้องปั้นอีกเยอะ
เมื่อ “เด็กจบใหม่” เข้ามาในทีมจริงๆ
สุดท้ายเราก็ได้น้องๆ หน้าใหม่เข้ามาในทีมครับ ช่วงแรกๆ ก็ต้องยอมรับเลยว่าเหนื่อยหน่อย ทั้งสอนงาน ทั้งปรับจูนเรื่องวัฒนธรรมองค์กร บางคนเรียนรู้เร็วมาก แป๊บเดียวเป็นงาน ทำงานได้ดีเกินคาด แต่บางคนก็ต้องใช้เวลาหน่อย ต้องคอยประกบ คอยสอนซ้ำๆ
มีอยู่เคสนึงที่ผมจำได้แม่น น้องคนนึงโปรไฟล์ดีมาก สัมภาษณ์ก็ดี รับเข้ามาทำงานได้ประมาณ 3 เดือน น้องเดินมาบอกว่า “พี่ครับ ผมขอลาออกนะ พอดีได้งานที่ใหม่ที่ตรงสายกว่า” อ้าว! ตอนนั้นก็แอบเฟลนิดๆ นะครับ อุตส่าห์สอนงานไปตั้งเยอะ แต่ก็เข้าใจได้ว่าน้องเขาก็มีเส้นทางของตัวเอง
แต่ก็มีอีกหลายเคสที่น้องๆ เติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมได้จริงๆ จากเด็กจบใหม่ที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็น ผ่านไปปีสองปี กลายเป็นซีเนียร์ คอยสอนน้องๆ รุ่นใหม่ต่อไป เห็นแล้วก็ภูมิใจนะ
บทสรุปจากการ “รับเด็กจบใหม่”
ถ้าให้สรุปจากประสบการณ์ตรงของผมนะ การรับเด็กจบใหม่มันก็เหมือนการลงทุนอย่างหนึ่งครับ มันมีความเสี่ยง เราไม่รู้หรอกว่าคนที่เลือกมาจะอยู่กับเรานานแค่ไหน จะเก่งขึ้นได้จริงไหม แต่ถ้าเราเลือกถูกคน ให้โอกาสเขาเต็มที่ สอนงานเขาดีๆ ผลตอบแทนที่ได้กลับมามันก็คุ้มค่า ทั้งในแง่ของกำลังคน และความรู้สึกดีๆ ที่ได้เห็นใครสักคนเติบโตขึ้นเพราะเรา
ทุกวันนี้เวลาเห็นประกาศรับเด็กจบใหม่ ผมก็จะนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้แหละครับ มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอกครับว่าต้องเลือกแบบไหนถึงจะดีที่สุด มันอยู่ที่ว่าองค์กรเราพร้อมจะ “ปั้น” เขาแค่ไหน และตัวน้องเองพร้อมจะ “เรียนรู้” และ “เติบโต” ไปกับเราหรือเปล่า มันก็เป็นประมาณนี้แหละครับที่เจอมากับตัว
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments