คลาส Palfish เหมาะกับใคร (เด็กเรียนแล้วได้ประโยชน์อะไร)
Share:

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับการทำ Palfish Class ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างนะครับ ก็จะเล่าตั้งแต่เริ่มแรกเลยว่าไปไงมาไง จนถึงตอนนี้เป็นยังไง

จุดเริ่มต้นที่อยากลอง

คือเรื่องมันเริ่มจากช่วงนั้นว่างๆ ครับ แล้วก็ไถๆ เฟซบุ๊กไปเรื่อย เปื่อย แล้วก็เห็นคนพูดถึง Palfish กันเยอะว่าสอนออนไลน์ได้เงินดี ไม่ต้องเดินทาง เราก็เอ๊ะ น่าสนใจดีแฮะ ปกติก็ชอบคุยกับเด็กๆ อยู่แล้ว ลองดูหน่อยก็ไม่เสียหาย ก็เลยตัดสินใจว่า เอาวะ! ลองสมัครดู

ขั้นตอนการสมัครและเตรียมตัว

ผมก็เริ่มจากการดาวน์โหลดแอป Palfish Teacher มาก่อนเลยครับ แล้วก็เข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัวทั่วไป พวกชื่อ ที่อยู่ ประสบการณ์สอน (ถ้ามี) แล้วก็ต้องอัดวิดีโอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ ประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาทีมั้ง ตอนนั้นก็แบบเกร็งๆ นิดหน่อยนะ ไม่ค่อยได้พูดอังกฤษหน้ากล้องเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ

จากนั้นก็ต้องทำแบบทดสอบนิดหน่อยเกี่ยวกับหลักการสอน แล้วก็รออนุมัติครับ ตรงนี้แหละที่ผมว่ารอนานนิดนึง ของผมนี่รอประมาณอาทิตย์กว่าๆ ได้มั้ง ใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าจะผ่านไหม พอเมลแจ้งมาว่าผ่านแล้วนี่ดีใจเลยครับ!

พอผ่านแล้วก็ยังสอนไม่ได้ทันทีนะ ต้องเข้าไปตั้งค่าโปรไฟล์ตัวเองให้เรียบร้อย ใส่รูปสวยๆ หน่อย เขียนแนะนำตัวให้น่าสนใจ แล้วก็ต้องเตรียมพวกอุปกรณ์นิดหน่อย เช่น หูฟังมีไมค์ อินเทอร์เน็ตแรงๆ แล้วก็ฉากหลังที่ดูไม่รกตา ผมก็เอากระดาษสีขาวแผ่นใหญ่ๆ มาแปะข้างฝาเอา ง่ายดี ฮ่าๆ

เริ่มสอนจริงจัง

ช่วงแรกๆ ที่เปิดระบบให้คนจองคลาสได้เนี่ย ตื่นเต้นมากครับ คลาสแรกที่ได้สอนเป็นเด็กจีนตัวเล็กๆ น่ารักมาก พูดไม่ค่อยได้ แต่พยายามจะสื่อสาร คือเราก็ต้องใช้พลังเยอะหน่อย ทั้งทำท่าทาง ทั้งใช้เสียงสูงเสียงต่ำให้เค้าสนุก

สิ่งที่ผมทำเป็นประจำก่อนสอนแต่ละคลาสคือ:

  • เช็กเนื้อหาบทเรียนก่อนล่วงหน้า (Palfish เค้ามีสไลด์ให้)
  • เตรียมอุปกรณ์ประกอบฉากเล็กๆ น้อยๆ เช่น ตุ๊กตามือ หรือบัตรคำง่ายๆ
  • เช็กสัญญาณอินเทอร์เน็ตกับหูฟังให้พร้อม

การสอนส่วนใหญ่ก็จะเป็นการสอนตามสไลด์ที่เค้ามีให้ครับ มีเพลง มีเกม มีเนื้อเรื่องให้เราพาเด็กๆ อ่านตาม สนุกดีนะ แต่บางทีก็เจอเด็กที่สมาธิสั้นมาก หรือบางทีผู้ปกครองก็นั่งอยู่ข้างๆ คอยบอกบทลูกตลอด อันนี้ก็แอบอึดอัดนิดหน่อย แต่ก็ต้องทำใจครับ ฮ่าๆ

ข้อดีข้อเสียจากประสบการณ์ตรง

ถ้าให้พูดถึงข้อดีที่ผมเจอมากับตัวเลยก็คือ:

  • ความยืดหยุ่นเรื่องเวลา: อันนี้ชอบมาก อยากสอนตอนไหนก็เปิดสล็อตเอาเองได้เลย เหมาะกับคนที่มีงานอื่นทำ หรืออยากหารายได้เสริม
  • ไม่ต้องเตรียมสื่อเอง: Palfish มีสไลด์ มีเนื้อหามาให้พร้อม เราแค่เตรียมตัวสอนตามนั้นก็พอ ประหยัดเวลาไปได้เยอะ
  • ได้ฝึกภาษา: ถึงจะสอนเด็ก แต่เราก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา ก็ถือเป็นการฝึกฝนตัวเองไปในตัว

แต่แน่นอนครับว่ามันก็มีส่วนที่ผมว่ายังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เหมือนกัน:

  • เรื่องค่าตอบแทน: ตอนแรกก็ดูเหมือนจะเยอะ แต่พอโดนหักนู่นหักนี่ แล้วก็ค่าเงินที่แปลงมาเป็นบาทไทยแล้ว บางทีก็รู้สึกว่า อืมมม… น้อยไปนิดเมื่อเทียบกับพลังงานที่ใส่ไป โดยเฉพาะถ้าเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น
  • การแข่งขันสูง: ครูค่อนข้างเยอะครับ กว่าจะได้นักเรียนประจำ หรือกว่าคนจะเริ่มเห็นโปรไฟล์เราก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องแอคทีฟมากๆ
  • ปัญหาทางเทคนิค: บางครั้งระบบก็มีเอ๋อๆ บ้าง สัญญาณเน็ตทางฝั่งนักเรียนไม่ดีบ้าง ทำให้การสอนติดขัด อันนี้ก็ต้องแก้ปัญหากันไป
  • การประเมินจากผู้ปกครอง: อันนี้เป็นดาบสองคมเลยครับ ถ้าได้ฟีดแบคดีก็ดีไป แต่ถ้าเจอผู้ปกครองที่ไม่พอใจ (บางทีก็ด้วยเหตุผลที่เราควบคุมไม่ได้) คะแนนเราก็จะตก มีผลต่อการมองเห็นโปรไฟล์อีก

สรุปแล้วเป็นยังไงบ้าง

โดยรวมแล้ว Palfish Class ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะครับ ทำให้ผมได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ได้ฝึกฝนตัวเอง แต่ถ้าถามว่าจะให้ยึดเป็นอาชีพหลักเลยไหม ส่วนตัวผมว่ายังไม่ถึงขนาดนั้น อาจจะเหมาะสำหรับคนที่อยากหารายได้เสริม หรืออยากลองประสบการณ์สอนออนไลน์สนุกๆ มากกว่า ตอนนี้ผมก็ยังสอนอยู่บ้างประปราย แต่ไม่ได้เต็มตัวเหมือนช่วงแรกๆ แล้วครับ

ก็หวังว่าที่เล่ามาทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจอยากจะลอง Palfish Class ดูนะครับ ลองชั่งใจดูข้อดีข้อเสีย แล้วก็ดูว่ามันเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราหรือเปล่า ของแบบนี้ต้องลองเองถึงจะรู้ครับ!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติ สำหรับเด็กและเยาวชนอายุ 3 ถึง 18 ปีโดยเฉพาะ

เราจะมอบคาบเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติให้คุณฟรี 1 คาบ พร้อมแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

This field is required.
This field is required.
กรุณากรอกข้อความของคุณที่นี่ โปรดให้สั้นและชัดเจน
ช่องทางการติดต่อที่ต้องการ
คุณต้องการให้เราติดต่อคุณอย่างไร?