เอ้อ พูดถึงคำคมวันเด็กเนี่ยนะ หลายคนก็คงนึกถึงคำพูดสวยๆ ที่ผู้ใหญ่เอาไว้ให้เด็กๆ ใช่ไหมครับ แต่สำหรับผมแล้วเนี่ย มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะเลย จากประสบการณ์ตรงๆ ที่ผมเคยเจอมากับตัวเองเลยนะ
คือมันมีอยู่ช่วงนึงครับ ที่ผมต้องไปคลุกคลีกับการหาคำคมพวกนี้บ่อยมาก ไม่ว่าจะให้ลูกตัวเอง หรือช่วยกิจกรรมที่โรงเรียนบ้าง ตอนแรกก็คิดว่าไม่ยากหรอก เข้าเว็บหาๆ แป๊บเดียวก็ได้แล้วมั้ง

แต่พอเอาเข้าจริงนะครับ ไปค้นดูแต่ละอัน โอ้โห! ส่วนใหญ่ที่เจอนะครับ มันเป็นคำคมที่แบบ…จะว่าไงดีล่ะ เหมือนผู้ใหญ่เขียนให้ผู้ใหญ่อ่านกันเองมากกว่าครับ บางอันก็ดูเคร่งเครียด สอนสั่งจนเด็กมันจะเก็ตหรือเปล่าก็ไม่รู้ บางทีผมอ่านเองยังงงเลยว่าจะสื่ออะไรวะเนี่ย
มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเรื่องนึงเลยครับ เป็นประสบการณ์ที่สอนผมได้เยอะมาก ตอนนั้นผมพยายามจะเอาคำคมที่ดูดี มีปรัชญาหน่อยๆ ไปพูดกับหลานชายตัวแสบ ตอนนั้นมันน่าจะอยู่ประมาณ ป.2 ป.3 นี่แหละครับ กะว่าเท่เลยเรา ผลลัพธ์คืออะไรทราบไหมครับ? หลานมันมองหน้าผมนิ่งๆ แล้วก็ถามกลับมาด้วยเสียงใสๆ ว่า “ลุงพูดอะไรอ่ะ ไม่เห็นสนุกเลย” วินาทีนั้นบอกตรงๆ ครับว่าหน้าชาไปเลย เหมือนโดนตบกลางสี่แยก คือมันเอ๋อไปเลยครับ แล้วก็คิดในใจ เออว่ะ จริงของมัน เด็กมันจะไปเข้าใจอะไรลึกซึ้งขนาดนั้น
หลังจากวันนั้นแหละครับ วิธีคิดผมเรื่องคำคมวันเด็กนี่เปลี่ยนไปเลย ผมเลิกสนใจไอ้พวกคำคมที่ต้องมานั่งแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ หรือคำที่มันฟังดูยิ่งใหญ่เกินวัยเด็กไปเลยครับ มันเสียเวลาเปล่าๆ
แล้วผมเปลี่ยนไปทำอะไรแทนล่ะ?
จากที่ผมลองผิดลองถูกมานะครับ ผมค้นพบว่าจริงๆ แล้วเด็กๆ เนี่ย เขาไม่ได้ต้องการอะไรที่มันซับซ้อนหรือหรูหราเลยครับ คำพูดง่ายๆ สั้นๆ แต่มาจากใจจริงต่างหาก ที่มันจะเข้าไปนั่งในใจเขาได้จริงๆ
สิ่งที่ผมเริ่มทำก็คือ:
- อย่างแรกเลย ผมจะมองหาคำที่มันให้กำลังใจเขาตรงๆ เช่น “หนูเก่งมากเลยนะ” “ทำดีที่สุดแล้วลูก” หรือ “พยายามต่อไปนะ ลุงเป็นกำลังใจให้” อะไรทำนองนี้ครับ มันเรียบง่ายแต่ทรงพลังนะ
- อย่างที่สอง ผมจะหาคำที่มันตลกๆ ชวนให้เขายิ้มได้ ทำให้เขารู้สึกว่าวันเด็กมันคือวันของเขาจริงๆ เป็นวันที่เขามีสิทธิ์จะมีความสุข สนุกสนานได้เต็มที่ ไม่ต้องมานั่งเครียดฟังผู้ใหญ่สอน
- และอย่างสุดท้าย อันนี้ผมว่าสำคัญมาก คือคำพูดที่ทำให้เขารู้สึกว่า “มีคนรักเขา มีคนเข้าใจเขา และเขาเป็นคนสำคัญ” คำพูดพวกนี้ไม่ต้องสวยหรูเลยครับ แต่ความรู้สึกที่สื่อออกไปมันยิ่งใหญ่กว่าเยอะ
มันเหมือนเราพยายามจะป้อนข้าวเด็กด้วยช้อนของผู้ใหญ่อ่ะครับ บางทีช้อนมันก็ใหญ่ไป ตักเข้าปากลำบาก คำคมก็เหมือนกัน เราต้องเลือกอันที่มัน “พอดี” กับโลกของเขา กับความเข้าใจของเขา
ผมว่านะ ผู้ใหญ่อย่างเราๆ เนี่ย บางทีก็คิดเยอะเกินไป อยากจะยัดเยียดความเป็นผู้ใหญ่ให้เด็กเร็วเกินไป จนบางทีเราลืมไปว่าหัวใจของการเป็นเด็กมันคือความสดใส ความเรียบง่าย และการเรียนรู้ผ่านการเล่นสนุก

เอาเข้าจริงๆ นะครับ วันเด็กทั้งที สิ่งที่เด็กๆ เขาอยากได้จริงๆ มันอาจจะไม่ใช่คำคมสวยหรูจากใครที่ไหนหรอกครับ แต่อาจจะเป็นแค่การที่เรายอมวางมือถือลงสักพัก แล้วไปนั่งเล่นกับเขา ฟังเรื่องไร้สาระที่เขาอยากจะเล่าให้เราฟังด้วยความตั้งใจ หรือแค่กอดเขาแน่นๆ สักที นั่นแหละครับ ผมว่ามันคือ “คำคมที่มีชีวิต” ที่ดีที่สุดแล้ว
ผมนี่ยังจำได้ติดตาเลยครับ วันเด็กปีนึงสมัยผมยังละอ่อน พ่อผมไม่ได้มานั่งให้โอวาทปรัชญาอะไรเลยนะ แกแค่ลากผมไปเตะบอลกลางแดดเปรี้ยงๆ ทั้งบ่าย เหงื่อแตกพลั่กๆ แต่โคตรมีความสุขเลยครับ แกตบไหล่แล้วบอก “เอ้า! วันของเอ็ง สนุกให้เต็มที่” เชื่อไหมครับว่าประโยคสั้นๆ กับการกระทำวันนั้นน่ะ มันฝังใจผมยิ่งกว่าคำคมเป็นร้อยเป็นพันคำเสียอีก นั่นแหละครับ ประสบการณ์ตรงของผมกับเรื่องคำคมวันเด็ก
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments