สวัสดีครับทุกคน! วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เกี่ยวกับเรื่อง “ค่าเรียน PalFish” ที่หลายคนอาจจะกำลังสงสัย หรืออยากรู้ข้อมูลเชิงลึกแบบบ้านๆ จากคนที่เคยลองคลุกคลีมาแล้ว ไม่ต้องอ้อมค้อมมาก ตามผมมาเลยครับ
ตอนแรกก็งงๆ เหมือนกันนะเรื่องค่าเรียน PalFish เนี่ย
คือต้องบอกว่าตอนที่ผมเริ่มได้ยินชื่อ PalFish ใหม่ๆ เนี่ย แล้วก็ลองไปส่องๆ ดู ก็ยอมรับเลยว่าสับสนพอสมควร ไอ้คำว่า “ค่าเรียน” เนี่ย มันยังไงกันแน่? มันเหมือนเราไปจ่ายค่าคอร์สเรียนพิเศษตามสถาบันรึเปล่า หรือมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น ผมนี่เกาหัวแกรกๆ เลยครับ เพราะข้อมูลที่เจอบางทีก็ดูไม่เคลียร์เท่าไหร่
ตัดสินใจลองสมัครเป็นครูซะเลย จะได้รู้เรื่อง!
ด้วยความอยากรู้ล้วนๆ ผมเลยตัดสินใจว่า “เอ้า! ลองสมัครเป็นครูใน PalFish ดูสิ” จะได้เห็นระบบข้างในกับตาตัวเองไปเลยว่ามันทำงานยังไง ไอ้ค่าเรียนที่ว่ามันมาจากไหน ใครจ่าย ใครได้ ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ใช่เล่นๆ นะครับ ต้องเตรียมเอกสารนู่นนี่นั่น มีอัดวิดีโอแนะนำตัวเองด้วย ตอนนั้นก็ทำๆ ไปตามที่เค้าบอก กะว่าเดี๋ยวเข้าไปแล้วค่อยไปงมหาความจริงเอาข้างใน
พอเข้ามาถึงบางอ้อ… อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง!
หลังจากผ่านกระบวนการสมัครจนได้เข้ามาอยู่ในระบบของ PalFish แล้วเนี่ย ผมถึงได้เข้าใจกระจ่างเลยครับว่าไอ้ “ค่าเรียน PalFish” ที่เราพูดถึงกันเนี่ย มันมีหลายมิติมากๆ
ถ้าในฐานะครูอย่างเราๆ เนี่ย มันไม่ใช่ “ค่าเรียนที่เราต้องจ่าย” นะครับ แต่มันคือ “รายได้” ที่เราจะได้รับจากการสอน ซึ่งก็มีอยู่หลักๆ สองแบบที่ผมเจอมา:
- Free Talk: อันนี้คือครูอย่างเราๆ สามารถตั้งราคาค่าสอนต่อนาทีได้เองเลยครับ อยากได้เรทเท่าไหร่ก็ใส่ไป แต่ก็ต้องดูตาม้าตาเรือด้วยนะ ไม่ใช่ตั้งซะเวอร์วังอลังการแล้วไม่มีนักเรียนกล้าเข้ามาเรียนด้วย แบบนั้นก็รอไปเถอะครับ ฮ่าๆ การตั้งราคาตรงนี้ก็เหมือนเป็นการบ้านที่เราต้องศึกษาตลาดเอาเอง
- Official Kids Course (OKC): ส่วนอันนี้จะเป็นคอร์สสำหรับเด็กที่ทาง PalFish เค้าจัดทำขึ้นมาเองเลย เรทค่าสอนจะค่อนข้างตายตัว ทางบริษัทเค้าจะเป็นคนกำหนดมาให้เรา ซึ่งก็สบายไปอย่างตรงที่ไม่ต้องมานั่งคิดราคาเอง แต่ก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของเค้าเป๊ะๆ
ดังนั้น คำว่า “ค่าเรียน PalFish” ถ้ามองจากฝั่งผู้ปกครองหรือนักเรียน เขาก็จ่ายตามราคาที่เราตั้งไว้ใน Free Talk หรือตามราคาคอร์ส OKC ที่ทาง PalFish กำหนดนั่นแหละครับ ส่วนเราที่เป็นครู ก็จะได้รับส่วนแบ่งจากตรงนั้นไป
ประสบการณ์จริงในการ “ตั้งราคา” และ “รับเงิน”
ตอนแรกที่ผมเริ่มสอนแบบ Free Talk ผมก็ลองผิดลองถูกกับการตั้งราคาไปเรื่อยเลยครับ ตั้งถูกไปก็เหนื่อยฟรี ตั้งแพงไปนักเรียนก็หนี ต้องหาจุดสมดุลให้เจอ บางทีก็ต้องมีลูกเล่น จัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม บ้างนิดหน่อยเพื่อดึงดูดนักเรียน เหมือนเราขายของออนไลน์เลยครับ ต้องทำการตลาดให้ตัวเองด้วย
ส่วน Official Kids Course เนี่ย เรื่องราคาสบายใจได้ ไม่ต้องคิดเอง แต่! การจะได้สล็อตเวลาสอนนี่สิครับ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ต้องคอยดู คอยแย่งชิงกันพอสมควร ไม่ใช่ว่าสมัครปุ๊บจะได้สอนทันที มันก็มีปัจจัยหลายอย่างอีก
สิ่งที่อยากจะเน้นย้ำเลยก็คือ:
- PalFish เค้ามีหักค่าธรรมเนียมของแพลตฟอร์มด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่านักเรียนจ่ายมาเท่าไหร่ เราได้เต็มจำนวนเม็ดเต็มหน่วย ต้องไปอ่านรายละเอียดในข้อตกลงให้ดีๆ เลย ไม่งั้นอาจจะมีเซอร์ไพรส์ตอนรับเงินได้
- เรื่องการถอนเงินก็สำคัญครับ มันมีขั้นต่ำในการถอน มีรอบการจ่ายเงินที่กำหนดไว้ ไม่ใช่ว่าอยากถอนเมื่อไหร่ก็กดปุ๊บได้ปั๊บเหมือนกดเงินจากตู้ ATM นะครับ ต้องวางแผนการเงินกันหน่อย
- การโปรโมทตัวเองสำคัญมาก โดยเฉพาะ Free Talk ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย นักเรียนก็อาจจะไม่เห็นเรานะครับ ต้องขยันสร้างโปรไฟล์ให้น่าสนใจ
สรุปจากประสบการณ์ตรงที่ไปลุยมา
จากที่ผมได้ลองไปคลุกคลีตีโมงกับ PalFish มาด้วยตัวเองเนี่ย คำว่า “ค่าเรียน PalFish” ถ้าเรามองในมุมของคนที่เป็นครู มันคือเรื่องของการบริหารจัดการรายได้ของเราเองล้วนๆ เลยครับ ตั้งแต่การกำหนดกลยุทธ์ตั้งราคา (สำหรับ Free Talk) การทำยังไงให้นักเรียนสนใจมาเรียนกับเรา ไปจนถึงการทำความเข้าใจเรื่องส่วนแบ่งและค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่แพลตฟอร์มเค้ากำหนดไว้
มันไม่ใช่แค่เรื่องการสอนเก่งอย่างเดียวนะครับ แต่มันมีรายละเอียดจุกจิกพวกนี้แฝงอยู่เต็มไปหมด ใครที่กำลังสนใจอยากจะลองเข้ามาเป็นครูใน PalFish ผมแนะนำว่าให้ศึกษาข้อมูลพวกนี้ให้ละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจ จะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวหรือรู้สึกว่าไม่เป็นอย่างที่คิดทีหลังครับ หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments