ชวนลูกคุยเก่ง: ด้วยคำถามสำหรับเด็ก ที่น่าสนใจ
ชวนลูกคุยเก่ง: ด้วยคำถามสำหรับเด็ก ที่น่าสนใจ
Share:

ใครว่าการตั้งคำถามกับเด็กๆ เป็นเรื่องง่ายนี่ ผมอยากจะบอกว่าคิดผิดถนัดเลยล่ะครับ ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นแหละ จนกระทั่งต้องมาคลุกคลีกับหลานชายตัวแสบแบบเต็มตัวนี่แหละ ถึงได้รู้ซึ้งเลย

เรื่องของเรื่องมันเริ่มจากตอนที่หลานชายผมต้องย้ายมาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ ช่วงนั้นผมนี่โคตรจะปวดหัวเลย ถามอะไรไปแกก็ตอบสั้นๆ คำเดียว สองคำ “ครับ” “ไม่รู้” “ก็ดี” บางทีก็พยักหน้าอย่างเดียว ผมนี่อยากจะเอาหัวโขกกำแพง! คือเราก็อยากจะคุยกับเขานะ อยากรู้ว่าวันๆ ไปทำอะไรมาบ้าง คิดอะไรอยู่ แต่เจอแบบนี้เข้าไป ไปไม่เป็นเลยครับ

ชวนลูกคุยเก่ง: ด้วยคำถามสำหรับเด็ก ที่น่าสนใจ

ตอนนั้นเลยเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมต้องเริ่ม “ปฏิบัติการค้นหาสุดยอดคำถาม” ด้วยตัวเองเลยนะ ไม่ได้ไปเรียนหลักสูตรอะไรจากไหนหรอกครับ อาศัยลูกมั่ว ลองผิดลองถูกล้วนๆ ผมเริ่มสังเกตว่าคำถามแบบไหนที่หลานมันจะยอมเปิดปากคุยด้วยยาวๆ ไอ้พวกคำถามปลายปิดอย่าง “กินข้าวอิ่มมั้ย?” “การบ้านเสร็จยัง?” นี่แทบจะโยนทิ้งไปได้เลย เพราะคำตอบมันก็มีแค่ “อิ่มแล้ว” “เสร็จแล้ว” แล้วก็… จบ! เงียบกริบเหมือนเดิม

สิ่งที่ผมลองแล้วมันเวิร์ค (บ้างไม่เวิร์คบ้าง)

ผมก็เริ่มลองเปลี่ยนแนวครับ ไปหาๆ ดูตามอินเทอร์เน็ตบ้าง หนังสือบ้าง ก็เจอคำแนะนำเยอะแยะไปหมด แต่เอาเข้าจริง พอมาใช้กับหลานผม บางอันก็ไม่รอดนะ เด็กแต่ละคนมันไม่เหมือนกันจริงๆ สิ่งที่ผมค้นพบจากการลองผิดลองถูกของตัวเองก็คือ:

  • คำถามปลายเปิด: อันนี้เวิร์คสุดๆ เช่น แทนที่จะถามว่า “วันนี้สนุกไหม” ก็ลองเปลี่ยนเป็น “วันนี้มีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นที่โรงเรียนบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิ?” หรือ “ถ้าวันนี้มีพลังพิเศษได้หนึ่งอย่าง อยากได้พลังอะไร เพราะอะไร?” โอ้โห! คราวนี้แหละครับ หลานผมมันเริ่มเล่าเป็นฉากๆ เลย
  • คำถามชวนคิด ชวนจินตนาการ: พวกคำถามแนว “ถ้า…จะเป็นยังไง” นี่เด็กๆ ชอบมาก “ถ้าพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วกลายเป็นมดตัวเล็กนิดเดียว จะทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก?” คำถามแบบนี้มันทำให้เขาได้ใช้สมอง ได้จินตนาการ มันสนุกกว่าเยอะ
  • คำถามเกี่ยวกับความรู้สึก: แต่ต้องถามแบบเนียนๆ นะครับ ไม่ใช่จู่โจม เช่น “ตอนที่เพื่อนเอาของเล่นไป รู้สึกยังไงบ้างเหรอ?” มันช่วยให้เขารู้จักอารมณ์ตัวเอง แล้วก็กล้าที่จะแชร์กับเรามากขึ้น
  • เลิกคาดหวังคำตอบที่ “ถูกต้อง”: อันนี้สำคัญมาก ผมเคยพลาดตรงนี้ คือบางทีเรามีธงในใจว่าอยากให้เขาตอบแบบไหน พอเขาตอบไม่ตรง เราก็เผลอไปตัดสิน หรือไปแก้ให้ สุดท้ายเขาก็ไม่อยากตอบอีกเลย

ช่วงแรกๆ ผมก็มีท้อบ้างนะครับ บางคำถามเตรียมไปอย่างดี คิดว่าเด็ดแล้ว ปรากฏว่าหลานทำหน้างงๆ แล้วก็ตอบ “ไม่รู้” เหมือนเดิม ฮ่าๆๆ ก็ต้องปรับกันไป จดไว้ว่าอันไหนแป้ก อันไหนพอไปได้ ค่อยๆ เรียนรู้นิสัยหลานไปด้วยในตัว

จริงๆ แล้ว ที่ผมมาหมกมุ่นกับเรื่องการตั้งคำถามเด็กขนาดนี้ มันมีเหตุผลส่วนตัวอยู่นิดหน่อยครับ คือย้อนไปตอนผมเด็กๆ เลยนะ ที่บ้านผมผู้ใหญ่เขาก็ทำงานกันยุ่ง ไม่ค่อยมีใครมานั่งคุย มาซักถามอะไรจริงจังแบบนี้หรอกครับ เราก็โตมาแบบมีอะไรก็เก็บไว้ในใจคนเดียว ไม่ค่อยได้แชร์ความรู้สึกหรือความคิดกับใครเท่าไหร่ มันก็มีความรู้สึกเหงาๆ อยู่ลึกๆ นะ พอโตมาแล้วมีโอกาสได้ดูแลหลาน ผมเลยไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกแบบเดียวกับที่ผมเคยรู้สึก ผมอยากให้เขารู้สึกว่ามีคนที่พร้อมจะฟังเขาเสมอ อยากให้เขาได้แสดงความคิดเห็น ได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่

สรุปแล้ว จากประสบการณ์ตรงของผมเนี่ย คำถามสำหรับเด็กมันไม่ใช่แค่เครื่องมือไว้ซักไซ้เอาข้อมูลนะครับ แต่มันเป็นเหมือนกุญแจดอกสำคัญเลย ที่จะไขเข้าไปในโลกของพวกเขา ทำให้เรารู้จักตัวตน ความคิด ความฝันของเด็กคนหนึ่งได้ลึกซึ้งขึ้นเยอะเลยครับ บางทีคำถามง่ายๆ ที่เราคิดไม่ถึง อาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวสนุกๆ หรือบทสนทนาที่อบอุ่นหัวใจได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะครับ ลองไปปรับใช้กันดูนะครับ ไม่ต้องตามตำราเป๊ะๆ ก็ได้ เอาที่เราสบายใจ เด็กสบายใจที่จะคุยด้วย นั่นแหละดีที่สุดแล้ว

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติ สำหรับเด็กและเยาวชนอายุ 3 ถึง 18 ปีโดยเฉพาะ

เราจะมอบคาบเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติให้คุณฟรี 1 คาบ พร้อมแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

This field is required.
This field is required.
กรุณากรอกข้อความของคุณที่นี่ โปรดให้สั้นและชัดเจน
ช่องทางการติดต่อที่ต้องการ
คุณต้องการให้เราติดต่อคุณอย่างไร?