เอาล่ะครับ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยกับโปรเจกต์ที่ผมตั้งชื่อเองเล่นๆ ว่า “master เด็กชาย” โปรเจกต์นี้เริ่มมาจากเจ้าตัวเล็กที่บ้านผมนี่แหละครับ ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย
จุดเริ่มต้นของปฏิบัติการ
คือเรื่องของเรื่องเนี่ย ไอ้เจ้าลูกชายตัวดีของผมเนี่ย โห…ห้องนอนเอย โต๊ะหนังสือเอย สภาพนี่อย่างกับผ่านสมรภูมิรบมา ของเล่นนี่กระจายเกลื่อน ส่วนหนังสือการบ้านนี่ไม่ต้องพูดถึง หาแทบไม่เจอ ผมก็เลยตั้งปณิธานกับตัวเองว่า “เอาวะ! เราจะปั้นเจ้าเด็กคนนี้ให้มันมีระเบียบให้ได้!” นี่แหละครับ ที่มาของปฏิบัติการ “master เด็กชาย” ของผม
บันทึกการทดลอง (ที่ล้มลุกคลุกคลาน)
ทีนี้ก็มาถึงช่วงลงมือปฏิบัติจริง ผมนี่ลองมาสารพัดวิธีเลยครับ จะลิสต์ให้ฟังเป็นข้อๆ เลย:
- ขั้นแรก: ผู้เผด็จการกลับชาติมาเกิด ผมลองใช้วิธีสั่งเลยครับ “เก็บเดี๋ยวนี้! ทำเดี๋ยวนี้!” ผลลัพธ์น่ะเหรอ? ฮึ่ม… หน้างอเป็นตูดลิง แถมบางทีมีเสียงเถียงกลับมาอีกต่างหาก เผลอๆ มีน้ำตาซึมด้วย สรุปคือ เฟล! ไม่เวิร์คอย่างแรง
- ขั้นสอง: นักเจรจาต่อรองมือทอง (เหรอ?) อ่ะ… เปลี่ยนแผน ลองคุยดีๆ ใช้เหตุผลเข้าสู้ “ลูกครับ ถ้าเก็บของเรียบร้อยมันจะดีอย่างนั้นอย่างนี้นะ” เจ้าตัวเล็กก็นั่งฟังตาแป๋วเลยนะ เหมือนจะเข้าใจ แต่พอเอาเข้าจริง… ห้านาทีผ่านไป ทุกอย่างก็กลับไปเหมือนเดิมเป๊ะ! โถ… พ่อเพลีย
- ขั้นสาม: ระบบติดสินบน (เอ๊ย! ให้รางวัล) ไม้แข็งไม่ได้ผล ไม้อ่อนก็แล้ว ลองไม้นวมดูบ้าง “ถ้าเก็บห้องเสร็จ เดี๋ยวพ่อให้เล่นเกมเพิ่มครึ่งชั่วโมง” อันนี้ได้ผลแฮะ! แต่… มันได้ผลแค่ระยะสั้นๆ พอไม่มีรางวัลล่อใจ ก็กลับไปอีหรอบเดิม แถมหลังๆ ชักจะเริ่มต่อรองขอรางวัลเพิ่มอีกตะหาก กลายเป็นเราต้องมานั่งคิดโปรโมชั่นใหม่ๆ ตลอดเวลา ไม่ไหวๆ
- ขั้นสี่: ปล่อยเบลอ… ทำเป็นไม่เห็น อันนี้คือแบบ… เหนื่อยแล้วไง ลองทำเป็นไม่สนใจดูบ้าง ปล่อยให้ห้องมันรกไปเลย เผื่อจะสำนึกเอง ปรากฏว่า… เจ้าตัวดีก็อยู่ได้เฉยเลยครับ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรเล้ยยย กลายเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว ต้องเข้าไปเก็บให้อยู่ดี อ้าว! แพ้ราบคาบ
จุดเปลี่ยน (หรือจุดที่เริ่มปลง)
หลังจากลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน ผมก็นั่งกุมขมับเลยครับ มันท้อใจจริงๆ นะ คิดว่าไอ้โปรเจกต์ “master เด็กชาย” ของเรานี่มันจะล่มไม่เป็นท่าซะแล้ว จนวันนึงผมนั่งมองเจ้าตัวเล็กมันเล่นของเล่นของมันไปเรื่อยเปื่อย อยู่ดีๆ มันก็หยิบกล่องมาใบหนึ่ง แล้วก็เริ่มเอาของเล่นชิ้นเล็กๆ ของมันใส่เข้าไปทีละชิ้นๆ อย่างตั้งใจเฉยเลย ไม่ได้มีใครบอกใครสั่ง
เอ๊ะ… หรือว่า?
ตอนนั้นผมก็แบบ… เฮ้ย! มันเกิดอะไรขึ้นวะ? หรือว่าจริงๆ แล้วไอ้ที่เราพยายามยัดเยียด พยายามสั่ง พยายามควบคุมเนี่ย มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กต้องการเลย ผมเลยลองเปลี่ยนวิธีใหม่หมดเลยครับ จากที่เคยจ้ำจี้จ้ำไช ก็เปลี่ยนเป็นแค่คอยดูอยู่ห่างๆ หาอุปกรณ์จัดเก็บที่มันใช้ง่ายๆ สีสันน่ารักๆ มาวางไว้ให้ แล้วก็ชม ชมแบบจริงใจเลยนะ เวลาที่เค้าทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ได้สำเร็จ เช่น “โห วันนี้เก็บรถแข่งเข้ากล่องเองด้วย เก่งจังเลยลูก”
แล้วผลลัพธ์ล่ะ?
ถามว่าตอนนี้เจ้าตัวเล็กกลายเป็นเด็กชายผู้รักระเบียบวินัยเต็มร้อยเลยมั้ย? ก็ต้องตอบตามตรงว่า… ยังครับ! 555+ มันก็ยังมีมุมที่รกเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ที่เปลี่ยนไปคือ เค้าเริ่มที่จะ “จัดการ” พื้นที่ของตัวเองได้บ้างแล้ว เริ่มรู้ว่าอะไรควรอยู่ตรงไหน ถึงจะไม่ได้เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว แต่มันก็ดีขึ้นเยอะมากๆ ที่สำคัญคือ บรรยากาศในบ้านมันไม่ตึงเครียดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันเรื่องเก็บของทุกวัน
สุดท้ายแล้ว ไอ้โปรเจกต์ “master เด็กชาย” ของผมเนี่ย มันอาจจะไม่ได้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ตอนแรกเป๊ะๆ ว่าจะต้องควบคุมทุกอย่างได้ แต่ผมว่าผมได้เรียนรู้อะไรที่มันสำคัญกว่านั้นเยอะเลยนะ คือการเข้าใจธรรมชาติของเด็ก การปล่อยวาง แล้วก็การหาจุดสมดุลระหว่างความคาดหวังของเรากับความเป็นตัวตนของเค้า บางทีการ “master” ที่แท้จริง อาจจะไม่ใช่การควบคุมเค้า แต่อาจจะเป็นการเข้าใจเค้า แล้วก็ “master” ตัวเองไม่ให้หัวร้อนไปซะก่อนนี่แหละครับ ฮ่าๆๆ
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments