เรื่องของผมกับภาษาอังกฤษ จากเด็กหลังห้องสู่คนที่พอจะเอาตัวรอดได้
สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ แบบบ้านๆ ของผมเองเลย คือเรื่องเกี่ยวกับไอ้เจ้าภาษาอังกฤษเนี่ยแหละ สมัยก่อนนู้นนนน ตอนเรียนมัธยม ผมนี่คือ เด็กหลังห้องตัวจริงเสียงจริง เวลาเรียนภาษาอังกฤษทีไรนะ เหมือนนั่งฟังครูพูดภาษาต่างดาวเลย ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่คิดจะเข้าใจด้วย ฮ่าๆๆ
ตอนนั้นในหัวมันมีแต่คำว่า “เมื่อไหร่จะหมดคาบวะ?” คือมันเบื่อจริงๆ นะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากเก่งนะ แต่มันไม่รู้จะเริ่มยังไง ครูสอนอะไรมา ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปหมด จดเลคเชอร์ตามเพื่อนไม่เคยทัน ศัพท์แสงอะไรก็ไม่เคยจำได้เลย พอสอบทีไร คะแนนก็แบบ… อย่าให้พูดถึงเลยครับ อายเค้า ภูมิใจนำเสนอสุดๆ ก็คือการเดาล้วนๆ
แล้วทำไมถึงอยากจะลุกขึ้นมาสู้กับมันล่ะ?
มันมีจุดเปลี่ยนอยู่ครับ ไม่ใช่ว่าโดนใครบังคับหรืออะไรนะ แต่มันเริ่มจากความชอบส่วนตัวล้วนๆ
- อยากดูหนังฝรั่งรู้เรื่อง: สมัยก่อนดูหนังซาวด์แทร็กทีไร ต้องคอยอ่านซับไทยตลอด แล้วบางทีซับมันแปลไม่ตรงใจ หรือบางทีมุกตลกมันหายไปกับซับ เลยรู้สึกว่า เอ้อ ถ้าฟังออกเองเลยมันจะฟินขนาดไหนวะ
- อยากฟังเพลงสากลเข้าใจความหมาย: ชอบฟังเพลงสากลหลายวงมาก แต่ร้องตามได้แค่มั่วๆ ความหมายก็ดำน้ำเอาล้วนๆ อยากจะอินกับเพลงให้มากกว่านี้
- อยากเล่นเกมแล้วเข้าใจเนื้อเรื่อง: อันนี้สำคัญเลย เกมสมัยนี้เนื้อเรื่องดีๆ ทั้งนั้น แต่ถ้าอ่านอังกฤษไม่ออก ก็เหมือนเล่นไปงั้นๆ ไม่ได้ซึมซับอะไรเลย
พอความคิดพวกนี้มันเริ่มก่อตัวขึ้นมามากๆ เข้า มันก็เลยเกิดอาการแบบ “เอาวะ! ลองดูซักตั้งสิ” ถึงจะเคยเป็นเด็กหลังห้องมาก่อน แต่มันก็ต้องมีวิธีสิวะ
นี่คือสิ่งที่ผมเริ่มลงมือทำจริงๆ จังๆ
ผมไม่ได้ไปลงคอร์สเรียนแพงๆ หรือจ้างติวเตอร์ส่วนตัวอะไรเลยนะครับ เพราะตอนนั้นก็ไม่ได้มีตังค์อะไรขนาดนั้น อาศัยลูกบ้ากับความพยายามล้วนๆ
- เริ่มจากสิ่งที่ชอบ: อย่างที่บอก ผมชอบดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ผมก็เริ่มจากตรงนี้เลยครับ หนังการ์ตูนเด็กๆ เนี่ยแหละตัวดีเลย ภาษาไม่ยาก พูดช้าๆ ชัดๆ เปิดซับอังกฤษตามไปด้วย แรกๆ ก็อ่านซับเป็นหลัก หลังๆ ก็เริ่มฟังออกเองมากขึ้น เพลงก็เหมือนกัน เปิดเนื้อเพลงภาษาอังกฤษดูตาม พยายามทำความเข้าใจทีละประโยค
- ไม่กลัวผิด: อันนี้สำคัญมาก ตอนแรกๆ ผมก็อายนะ กลัวพูดผิด กลัวคนอื่นหัวเราะ แต่พอคิดได้ว่า ถ้ามัวแต่กลัวก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมก็เลย หน้าด้านเข้าไว้ ครับ ฮ่าๆๆ พยายามหาโอกาสพูดกับเพื่อนที่เก่งอังกฤษ หรือแม้กระทั่งพูดกับตัวเองหน้ากระจก ผิดๆ ถูกๆ ก็ช่างมัน ขอให้ได้พูด
- หาคำศัพท์รอบตัว: เวลาเห็นป้ายโฆษณาภาษาอังกฤษ หรืออ่านเจอศัพท์ที่ไม่รู้ ผมจะพยายามจดไว้ แล้วกลับมาหาความหมาย ไม่ได้ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองนะ แต่พยายามจำว่าศัพท์นี้มันใช้ในสถานการณ์ไหน
- ดูยูทูปเบอร์ต่างชาติ: อันนี้ช่วยได้เยอะมากครับ ได้ฟังสำเนียงที่หลากหลาย แล้วก็เรียนรู้คำศัพท์แสลงใหม่ๆ ที่ไม่มีในตำราเรียนด้วย เลือกช่องที่เราสนใจจริงๆ มันจะทำให้เราไม่เบื่อ
- พยายามใช้มันทุกวัน: ไม่ต้องถึงกับบังคับตัวเองให้คิดเป็นภาษาอังกฤษตลอดเวลานะครับ แต่พยายามหาเรื่องให้ได้ใช้มันนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี เช่น เปลี่ยนเมนูโทรศัพท์เป็นภาษาอังกฤษบ้าง หรือลองอ่านข่าวสั้นๆ ภาษาอังกฤษดู
ผลลัพธ์ที่ได้มันเป็นยังไง?
ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้เก่งระดับเทพเจ้าอะไรขนาดนั้นนะครับ ไม่ได้สำเนียงเป๊ะเวอร์เหมือนเจ้าของภาษา แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือ
- กล้าพูดมากขึ้น: ถึงจะยังมีผิดแกรมมาร์บ้าง แต่ก็ไม่กลัวที่จะสื่อสารแล้ว สามารถสั่งอาหาร ถามทาง หรือคุยเล่นกับชาวต่างชาติได้แบบพอถูไถ
- ดูหนัง ฟังเพลงรู้เรื่องมากขึ้นเยอะ: อันนี้ฟินจริง ดูหนังซาวด์แทร็กแบบไม่ต้องจ้องซับตลอดเวลามันดีแบบนี้นี่เอง ฟังเพลงก็เข้าใจความหมายลึกซึ้งขึ้น
- เปิดโลกทัศน์: พอเข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้น ก็เข้าถึงข้อมูลข่าวสารอะไรต่างๆ ได้กว้างขึ้นเยอะเลยครับ อ่านบทความต่างประเทศได้ ดูคลิปความรู้ต่างๆ ได้ มันสนุกไปอีกแบบ
จากเด็กหลังห้องที่ไม่เอาอ่าวอะไรเลยกับภาษาอังกฤษ วันนี้ผมก็ยังต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ครับ แต่สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้น ถ้าใครที่เคยรู้สึกเหมือนผม หรือกำลังท้อแท้กับภาษาอังกฤษอยู่ ลองหาจุดเริ่มต้นจากสิ่งที่ตัวเองชอบดูนะครับ ไม่ต้องกดดันตัวเอง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้แน่นอนครับ สู้ๆ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments