สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ตรงๆ ที่ผมได้ไปลองสมัครแล้วก็ทำงานกับ Palfish ดูเผื่อใครกำลังสนใจอยู่ว่าจะดีไหม จะได้เอาไปประกอบการตัดสินใจกัน
เรื่องมันเริ่มจากช่วงนึงที่ผมรู้สึกว่าอยากหารายได้เสริม แล้วก็พอมีเวลาว่างอยู่บ้าง เลยลองค้นหาดูตามอินเทอร์เน็ตนี่แหละครับว่ามีงานออนไลน์อะไรน่าทำบ้าง ก็ไปเจอคนพูดถึง Palfish กันเยอะพอสมควร ดูแล้วมันเป็นการสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ชาวจีนผ่านแอปพลิเคชัน ก็เออ น่าสนใจดีแฮะ ไม่ต้องเดินทางด้วย ทำจากที่บ้านได้เลย
หลังจากนั้น ผมก็ไม่รอช้าครับ ตัดสินใจลองสมัครดูเลย ขั้นตอนแรกก็คือโหลดแอป Palfish Teacher มาก่อนเลยครับ จากนั้นก็เริ่มกรอกข้อมูลส่วนตัวทั่วไป อัปโหลดเอกสารที่เขาต้องการ พวกวุฒิการศึกษา ใบรับรองการสอน (ถ้ามี) แล้วก็ที่สำคัญคือต้องอัดวิดีโอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ ประมาณ 1-2 นาที แล้วก็มีให้ทำ Demo หรือตัวอย่างการสอนด้วยครับ ตรงนี้แหละที่ผมว่าแอบตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะต้องโชว์สกิลการสอนของเราให้เขาเห็น
ผมก็เตรียมตัวอยู่พักนึงครับ ซ้อมพูด ซ้อมสอนหน้ากระจก ฮ่าๆๆ พอถึงเวลาอัดจริงก็พยายามทำให้เป็นธรรมชาติที่สุด โชว์ว่าเราเข้ากับเด็กได้นะ มีพลังงานในการสอน หลังจากส่งใบสมัครพร้อมวิดีโออะไรเรียบร้อย ก็ต้องรอผลการอนุมัติครับ จำได้ว่ารออยู่ไม่กี่วันนะ เขาก็แจ้งผลกลับมาว่าผ่านแล้ว ดีใจมากครับตอนนั้น
พอผ่านการอนุมัติแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตั้งค่าโปรไฟล์ของเราให้ดูน่าสนใจครับ ใส่รูปภาพดีๆ เขียนแนะนำตัวให้น่าดึงดูด แล้วก็ตั้งตารางเวลาที่เราสะดวกสอนได้ ตรงนี้สำคัญมาก เพราะผู้ปกครองเขาจะมาเลือกครูจากโปรไฟล์และตารางเวลานี่แหละครับ
เริ่มเปิดคลาสสอนจริงจัง
ช่วงแรกๆ ที่เปิดคลาสสอน ก็ยังไม่มีนักเรียนเข้ามาจองทันทีนะครับ ผมก็ต้องคอยโปรโมทตัวเองในแอปบ้าง ทำคลิปสั้นๆ โชว์กิจกรรมการสอนบ้าง แล้วก็พยายามออนไลน์ให้ตรงเวลาที่เราตั้งไว้
ไม่นานนัก ก็เริ่มมีนักเรียนคนแรกเข้ามาจองคลาสครับ ตื่นเต้นมาก! คลาสแรกผ่านไปด้วยดีครับ เด็กน่ารักมาก พยายามพูดตามที่เราสอน ถึงจะตะกุกตะกักบ้าง แต่ก็สนุกดีครับ หลังจากนั้นก็เริ่มมีนักเรียนเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งแบบจองล่วงหน้า แล้วก็แบบ Free talk ที่เข้ามาตอนที่เราออนไลน์อยู่
- ข้อดีที่ผมเจอมากับตัวนะ
- ความยืดหยุ่น: อันนี้คือจุดเด่นเลยครับ เราเลือกเวลาสอนเองได้จริงๆ ทำงานจากที่บ้านได้เลย ประหยัดเวลาเดินทางไปเยอะ
- ได้เจอเด็กๆ: ถ้าใครชอบเด็กๆ ชอบสอน ก็น่าจะมีความสุขครับ เด็กแต่ละคนก็น่ารัก มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ได้เห็นพัฒนาการของเขาก็ภูมิใจนะ
- รายได้เสริม: ก็ถือว่าเป็นช่องทางหารายได้เสริมที่ดีช่องทางหนึ่งเลยครับ ยิ่งถ้าเรามีชั่วโมงสอนเยอะ โปรไฟล์ดี ก็มีโอกาสได้รายได้มากขึ้น
- แต่เหรียญมันก็มีสองด้านเสมอแหละ ข้อที่ต้องคิดหนักหน่อยก็คือ
- รายได้ไม่แน่นอน: อันนี้ต้องยอมรับเลยครับ บางช่วงนักเรียนก็เยอะ บางช่วงก็น้อย โดยเฉพาะช่วงเปิดเทอมของจีน หรือช่วงเทศกาลต่างๆ มันก็จะมีผลกระทบ ทำให้รายได้เราอาจจะไม่สม่ำเสมอเท่าไหร่
- การแข่งขัน: ครูในระบบเยอะมากครับ ทั้งครูเจ้าของภาษาและครูที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา เราก็ต้องพยายามสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง
- เรื่องจุกจิก: บางทีก็มีปัญหาเรื่องอินเทอร์เน็ตบ้าง แอปค้างบ้าง หรือบางทีเจอผู้ปกครองที่คาดหวังสูงมากๆ ก็ต้องใช้ความอดทนและทักษะในการสื่อสารพอสมควรครับ
- เวลา: ส่วนใหญ่เด็กจีนจะเรียนกันช่วงเย็นๆ ถึงค่ำๆ ตามเวลาบ้านเรา ถ้าใครไม่สะดวกช่วงเวลานั้นก็อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่
โดยรวมแล้ว จากที่ผมได้ลองทำ Palfish มาสักระยะหนึ่ง ผมว่ามันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะครับ ได้ฝึกภาษา ได้ใช้ทักษะการสอน แล้วก็ได้รายได้เสริมด้วย แต่ถามว่ามันเหมาะกับทุกคนไหม คงต้องตอบว่าแล้วแต่บุคคลครับ
ถ้าคุณเป็นคนที่มีเวลาว่าง อยากหารายได้พิเศษ ชอบสอนเด็ก มีความอดทน และไม่ซีเรียสเรื่องความแน่นอนของรายได้มากนัก ผมว่า Palfish ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจให้ลองดูได้ครับ แต่ถ้าคุณมองหางานที่มั่นคง รายได้สม่ำเสมอ หรือต้องการรายได้หลักเป็นกอบเป็นกำ อันนี้อาจจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ หรือมองหาตัวเลือกอื่นควบคู่ไปด้วย
นี่ก็เป็นประสบการณ์ตรงๆ ของผมที่อยากเอามาแชร์ให้ฟังกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังตัดสินใจอยู่นะครับ ลองชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียดู แล้วก็ดูว่ามันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของเราหรือเปล่า ยังไงก็ขอให้โชคดีครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments