สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยครับ เรื่องการหา นิทานภาษาอังกฤษสำหรับเด็กประถม เนี่ยแหละครับ หลายคนอาจจะคิดว่า โอ๊ย ง่ายๆ ไปร้านหนังสือก็เจอแล้ว หรือเปิดยูทูปเอาก็ได้ ไม่เห็นจะยากตรงไหน

ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นแหละครับ กะว่าเดินเข้าไปร้านหนังสือแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ได้นิทานดีๆ ติดไม้ติดมือกลับมาฝากเจ้าตัวเล็กที่บ้านแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงนะครับ โอ้โห…มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยนะเพื่อนๆ

พอไปถึงโซนหนังสือเด็กเท่านั้นแหละครับ ตาลายเลยครับ นิทานเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ส่วนใหญ่ที่เราเจอก็จะเป็นภาษาไทยซะเยอะ หรือถ้าเป็นภาษาอังกฤษ คำศัพท์ก็ดูจะยากเกินไปสำหรับเด็กประถมต้นๆ บ้านเรา บางเล่มรูปภาพก็ไม่ค่อยดึงดูดใจเด็กๆ เนื้อเรื่องก็ดูจะธรรมดาไปหน่อย ลูกผมเปิดดูสองสามหน้าก็เมินหน้าหนีแล้วครับ ฮ่าๆๆ ผมนี่เกาหัวเลย

ผมก็เลยต้องเริ่มใช้วิธีแบบลูกทุ่งๆ หน่อยครับ คือค่อยๆ ลองผิดลองถูกไปทีละอย่าง เริ่มจากสังเกตก่อนเลยว่าลูกเราเนี่ยเค้าชอบนิทานแนวไหน ชอบสัตว์โลกน่ารัก ชอบเจ้าหญิงเจ้าชายผจญภัย หรือชอบเรื่องตลกๆ ขำๆ พอจับแนวทางได้คร่าวๆ แล้ว ผมก็เริ่มไปเดินดูตามร้านหนังสืออีกรอบ คราวนี้ใจเย็นขึ้นครับ ค่อยๆ พลิกดูทีละเล่มเลย

นอกจากนั้น ผมก็ลองไปค้นๆ ดูตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่เค้าแนะนำนิทานเด็กกัน ก็เจอเยอะแยะไปหมดครับ มีทั้งแบบที่เป็นไฟล์ให้อ่านฟรี มีทั้งแบบที่เป็นคลิปวิดีโอคนเล่าให้ฟัง บางอันก็ดีครับ เปิดให้ลูกดูเค้าก็ชอบ แต่บางอันก็…เอ่อ…อาจจะยังไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ คือมันเหมือนจับฉ่ายเลยครับช่วงแรกๆ เอาตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยมาผสมๆ กัน ดูซิว่าอันไหนจะเวิร์คกับลูกเราที่สุด

ผมค้นพบว่าสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งเลยคือ คำศัพท์ต้องไม่ยากเกินไป ต้องเป็นคำง่ายๆ ที่เด็กพอจะเดาความหมายจากภาพประกอบได้ หรือเป็นคำที่เจอบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน แล้วก็รูปภาพประกอบต้องสีสันสดใส ดึงดูดความสนใจเด็กได้ดี ถ้าเนื้อเรื่องสนุกด้วยนะ โอ้โห…ลูกติดหนึบเลยครับ

มีอยู่ช่วงนึง ผมไปเจอนิทานคลาสสิกง่ายๆ ที่เค้าเอามาทำรูปเล่มใหม่ ภาพสวยมากๆ อันนี้ก็ช่วยได้เยอะเลยครับ หรือบางทีก็เป็นพวกนิทานสั้นๆ ที่มีกิจกรรมให้ทำต่อท้ายเรื่องด้วย เช่น ลากเส้นจับคู่ ระบายสี พวกนี้เด็กๆ จะชอบมากเป็นพิเศษ เพราะเหมือนได้เล่นไปด้วยในตัว

จนหลังๆ มาเนี่ย ผมค้นพบว่า นิทานที่มีเสียงประกอบ หรือเป็นแบบแอนิเมชั่นสั้นๆ เนี่ย เด็กจะให้ความสนใจมากกว่าแบบที่เราอ่านให้ฟังเฉยๆ เยอะเลยครับ แล้วถ้าเป็นนิทานที่มีตัวละครเดิมๆ เป็นซีรีส์ เด็กจะยิ่งผูกพัน แล้วก็อยากจะติดตามตอนต่อไปเรื่อยๆ เลยครับ

ทำไมผมถึงมานั่งเล่าเรื่องนี้ได้น่ะเหรอครับ? ก็เพราะว่าผมลองผิดลองถูกมากับลูกตัวเองนี่แหละครับ ฮ่าๆ หมดเงินไปกับหนังสือที่ไม่ถูกใจลูกก็หลายเล่มอยู่เหมือนกันครับ บางทีซื้อมาคิดว่าดี ลูกไม่มองเลยก็มี แต่ผลที่ได้มันคุ้มค่านะครับ พอเค้าเริ่มสนุกกับภาษาอังกฤษจากนิทานแล้วเนี่ย เค้าจะเปิดใจรับการเรียนรู้ภาษามากขึ้นเยอะเลยจริงๆ

สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำสำหรับคนที่จะเริ่มหา นิทานภาษาอังกฤษสำหรับเด็กประถม นะครับ:

• เริ่มจากง่ายๆ ก่อนเลยครับ: เลือกนิทานที่มีคำศัพท์ไม่กี่คำ ประโยคสั้นๆ รูปภาพเยอะๆ สีสันสดใส
• เลือกเรื่องที่เด็กสนใจเป็นหลัก: ลองสังเกตดูว่าลูกเราชอบแนวไหน สัตว์ ไดโนเสาร์ เจ้าหญิง การผจญภัย หรือเรื่องตลกๆ
• ทำให้การอ่านนิทานเป็นเรื่องสนุก: เวลาอ่านให้ลูกฟัง ลองใส่อารมณ์ อ่านด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มีท่าทางประกอบบ้าง หรือจะเปิดแบบมีเสียงมีภาพเคลื่อนไหวประกอบก็ดีครับ
• สม่ำเสมอแต่ไม่บังคับนะครับ: อ่านให้ฟังวันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี ดีกว่าอัดทีเดียวแล้วเด็กเบื่อจนไม่อยากฟังอีก
• อย่ากลัวที่จะลองผิดลองถูก: ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวครับ นิทานบางเรื่องคนอื่นว่าดี ลูกเราอาจจะไม่ชอบก็ได้ ต้องค่อยๆ หาที่เหมาะกับลูกเราที่สุดครับ

สุดท้ายแล้ว การหา ‘นิทานภาษาอังกฤษสำหรับเด็กประถม’ ที่ดีที่สุด ก็คือการหาเรื่องที่ทำให้เด็กๆ ของเรายิ้มได้ หัวเราะได้ และอยากจะฟังอีกซ้ำๆ ครับ ลองดูนะครับเพื่อนๆ ผมว่ามันไม่ยากเกินความพยายามของเราแน่นอนครับ!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ