สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เกี่ยวกับเรื่องที่หลายคนอาจจะกำลังสนใจอยู่ นั่นก็คือ “ราคา Palfish” หรือว่าจริงๆ แล้วการทำงานกับ Palfish เนี่ย มันได้เงินยังไง คุ้มเหนื่อยมั้ย ผมเองก็เคยสงสัยแบบนั้นแหละครับ เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังจากมุมของคนที่เคยลองทำมาแล้ว

จุดเริ่มต้นความสงสัย และการลองของจริง

ตอนแรกเลยที่ผมได้ยินเกี่ยวกับ Palfish เนี่ย ก็มีแต่คนพูดว่า เห้ย เงินดีนะ ชั่วโมงนึงได้หลายตังค์ ทำงานจากบ้านสบายๆ ผมก็หูผึ่งเลยสิครับ ใครบ้างล่ะไม่อยากได้งานสบายแถมเงินดี ผมก็เริ่มหาข้อมูล ดูรีวิวต่างๆ นาๆ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้อมูลกว้างๆ ไม่ได้ลงลึกเท่าไหร่ว่าเบื้องหลังมันเป็นยังไง ไอ้ความอยากรู้มันก็เลยผลักดันให้ผมตัดสินใจว่า “เออ ลองเองเลยดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย!”

ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากครับ กรอกประวัติ อัดวิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ แล้วก็ทำเดโม่สอนให้เค้าดู ตอนรอผลนี่ก็ลุ้นพอสมควรนะ เพราะไม่รู้ว่ามาตรฐานเค้าเป็นยังไง แต่สุดท้ายก็ผ่านฉลุย พอแอคเคาท์เราได้รับการอนุมัติปุ๊บ ผมก็ตั้งค่าโปรไฟล์ตัวเองให้ดูน่าสนใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็เปิดรับงานเลยครับ

“ราคา” ที่ไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี

ช่วงแรกๆ ที่มีนักเรียนจองคลาสเข้ามา ก็รู้สึกดีใจนะ ตื่นเต้น ได้สอน ได้ใช้ภาษาอังกฤษ แต่พอทำไปได้สักพักใหญ่ๆ ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า ไอ้คำว่า “ราคา Palfish” เนี่ย มันไม่ได้หมายถึงแค่จำนวนเงินที่เราได้ต่อชั่วโมงสอนอย่างเดียว แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะเลยครับ

สิ่งที่ผมเจอ และอยากให้ทุกคนชั่งใจก็คือ:

• ความไม่แน่นอนของรายได้: อันนี้เรื่องใหญ่เลยครับ บางเดือนงานเยอะมาก สอนจนเสียงแหบเสียงแห้ง รายได้ก็ดีตามไปด้วย แต่บางเดือนนี่สิครับ เงียบเป็นเป่าสาก ตารางว่างโล่ง ผมเคยเจอช่วงที่ไม่มีคลาสติดต่อกันเป็นอาทิตย์ ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าใจแป้วเหมือนกันนะ มันทำให้เราวางแผนการเงินลำบาก
• เวลาที่ใช้ในการเตรียมตัว: ถึงแม้ว่า Palfish จะมีบทเรียนสำเร็จรูปมาให้ แต่การที่เราจะสอนให้ดี ให้นักเรียนเข้าใจ เราก็ต้องใช้เวลาเตรียมตัวก่อนสอนอยู่ดีครับ อ่านเนื้อหา ทำความเข้าใจกิจกรรมต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นนักเรียนใหม่ๆ หรือคลาสที่เนื้อหาเราไม่คุ้นเคย ก็ยิ่งต้องใช้เวลาเยอะ
• “ต้นทุนแฝง” อื่นๆ: อย่าลืมนะครับว่าเราทำงานจากบ้าน ค่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี่จำเป็นมาก ไฟฟ้าที่ใช้เปิดคอม เปิดแอร์ อุปกรณ์ต่างๆ เช่น หูฟังดีๆ กล้องเว็บแคม หรือแม้แต่ฉากหลังสวยๆ ให้ดูโปรเฟสชั่นนอล ทั้งหมดนี้ก็เป็นต้นทุนที่เราต้องจ่ายเอง
• การแข่งขัน: ครูบนแพลตฟอร์มมีเยอะครับ การที่เราจะทำให้นักเรียนเลือกเรา หรือผู้ปกครองจองคลาสให้ลูกๆ เค้าซ้ำๆ มันก็ต้องอาศัยทั้งฝีมือ และการสร้างโปรไฟล์ที่ดี ซึ่งก็ต้องใช้เวลาและความพยายาม

ประสบการณ์จริงที่อยากเล่าสู่กันฟัง

ผมจำได้แม่นเลย มีอยู่ช่วงนึงที่ผมคาดหวังกับรายได้จาก Palfish มาก เพราะเห็นคนอื่นเค้าทำได้เยอะ แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด คลาสที่เคยมีก็เริ่มน้อยลง นักเรียนประจำบางคนก็หายไป ตอนนั้นเครียดเลยครับ นั่งคิดว่าเราทำอะไรผิดพลาดไปรึเปล่า หรือว่ามันเป็นปกติของงานประเภทนี้

แล้วก็เคยเจอเคสที่แบบ เตรียมสอนดิบดี พอถึงเวลานักเรียนไม่มา หรือยกเลิกกระชั้นชิด บางทีระบบของแพลตฟอร์มเองก็มีปัญหาบ้าง เข้าห้องเรียนไม่ได้บ้าง ซึ่งมันก็ทำให้เราเสียโอกาส เสียเวลาไปฟรีๆ ไอ้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้นี่แหละครับ ที่มันรวมกันเป็น “ราคา” ที่เราต้องจ่ายจริงๆ แต่มันไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในสลิปเงินเดือน

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องแย่ๆ นะครับ ช่วงที่งานเข้าเยอะๆ ผมก็เคยทำรายได้จาก Palfish ได้น่าพอใจเลยทีเดียว มันเป็นความรู้สึกที่ดีนะที่ได้ทำงานที่เราชอบ ได้ใช้ความสามารถของเรา แล้วก็มีรายได้เข้ามาจริงๆ

แล้วตกลง “ราคา Palfish” มันคุ้มมั้ย?

ถ้าจะให้ผมสรุปจากประสบการณ์ส่วนตัว “ราคา Palfish” มันไม่ใช่ตัวเลขตายตัวครับ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างมาก ทั้งความขยันของเราเอง จังหวะเวลา โปรไฟล์ของเรา และที่สำคัญคือ “ความคาดหวัง” ของเราด้วย

สำหรับผมแล้ว Palfish มันก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้เสริมที่ดีได้ ถ้าคุณเข้าใจธรรมชาติของมัน ยอมรับความไม่แน่นอนได้ และพร้อมที่จะปรับตัวอยู่เสมอ มันอาจจะเป็นงานที่เหมาะกับคุณก็ได้ครับ แต่ถ้าคุณมองหางานที่มั่นคง รายได้สม่ำเสมอทุกเดือน Palfish อาจจะไม่ใช่คำตอบ

สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ครับ ทุกอย่างมี “ราคา” ที่ต้องจ่ายเสมอ ไม่ว่าจะในรูปแบบของเงิน เวลา หรือความพยายาม ลองศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ถามตัวเองว่าเราพร้อมจะจ่าย “ราคา” เหล่านั้นมั้ย แล้วค่อยตัดสินใจ ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ จะหาคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองได้ครับ

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ