สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ของผมเลยกับเรื่องการเลือก “หนังสือเรียนภาษาอังกฤษอนุบาล” ให้เจ้าตัวเล็กที่บ้าน คือตอนแรกเนี่ย ผมก็เหมือนพ่อแม่มือใหม่หลายๆ คนนั่นแหละครับ พอถึงวัยที่ลูกต้องเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ก็เริ่มเลย… วิ่งวุ่นหาข้อมูล

เริ่มจากความมึนงง

ตอนแรกเลยนะ ผมก็เดินดุ่มๆ เข้าไปตามร้านหนังสือใหญ่ๆ โอ้โห… หนังสือมันเยอะมากครับคุณผู้ชม ตาลายไปหมด ปกสีสวยๆ ทั้งนั้นเลย เล่มนั้นก็ดี เล่มนี้ก็น่ารัก พลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบ แต่ในใจก็คิดนะว่า “แล้วเล่มไหนมันจะดีกับลูกเราจริงๆ วะเนี่ย?” คือมันไม่ได้มีป้ายบอกว่า “เล่มนี้แหละ เวิร์คสุด!” อะไรแบบนั้น

ปฏิบัติการค้นหาแบบบ้านๆ

หลังจากยืนงงในดงหนังสืออยู่พักใหญ่ ผมก็เริ่มตั้งสติครับ กลับมาบ้าน เปิดคอมพิวเตอร์เลย ลองเสิร์ชดูรีวิวต่างๆ ที่พ่อๆ แม่ๆ เขาคุยกันในเน็ต ก็ได้ไอเดียมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการแนะนำกว้างๆ หรือไม่ก็เป็นหนังสือที่โรงเรียนลูกเขาใช้อยู่แล้ว

ผมก็เลยลองเปลี่ยนวิธี ไปแอบดูตามโรงเรียนอนุบาลใกล้ๆ บ้าน (ไม่ได้ไปส่องอะไรไม่ดีนะครับ แค่สังเกตว่าเขาใช้หนังสืออะไรสอนกัน) บางทีก็ไปด้อมๆ มองๆ ตามงานหนังสือเด็ก หรือบูธขายสื่อการสอน ก็พอจะเห็นแนวทางมากขึ้น

• หนังสือบางชุดเน้นภาพกับการ์ตูนสีสันสดใสมากๆ แต่เนื้อหาข้างในอาจจะยังไม่ค่อยมีอะไร
• บางชุดเนื้อหาดูแน่นดี แต่ภาพประกอบอาจจะดูไม่ค่อยดึงดูดเด็กเล็ก
• บางเล่มมีเพลง มีเกมเข้ามาเสริม ซึ่งดูน่าสนใจ
• แล้วก็มีพวกหนังสือที่โรงเรียนดังๆ เขาใช้กัน อันนี้ก็ดูน่าเชื่อถือ แต่ราคาก็เอาเรื่องเหมือนกัน

ลงมือ “ทดลอง” จริง

ทีนี้ ผมก็เริ่มคัดเลือกมาสัก 2-3 ชุดที่คิดว่าน่าจะโอเค แล้วก็ลองซื้อมาอย่างละเล่มสองเล่มก่อนครับ ยังไม่กล้าซื้อยกชุด เพราะกลัวซื้อมาแล้วลูกไม่เอาด้วย เสียดายตังค์แย่เลย

ขั้นตอนการทดลองของผมก็ประมาณนี้ครับ:

1. เปิดให้ลูกดูหน้าปกก่อนเลย: ดูว่าเขาสนใจไหม อยากหยิบจับหรือเปล่า ถ้าหน้าปกไม่ผ่านนี่ โอกาสรอดก็น้อยแล้วครับ 555
2. ลองชวนลูกทำกิจกรรมในเล่ม: เช่น ชี้ภาพตามคำศัพท์ง่ายๆ ระบายสี หรือลากเส้น ผมจะสังเกตว่าลูกสนุกกับมันไหม หรือทำไปบ่นไป
3. ดูปฏิกิริยาของลูก: ถ้าเขาดูตื่นเต้น อยากเปิดหน้าต่อไป หรือจำคำศัพท์บางคำได้หลังจากทำกิจกรรม นั่นแหละครับ สัญญาณที่ดี
4. ลองสอนเอง: ผมไม่ใช่ครูนะครับ แต่ก็พยายามทำตัวเป็นเพื่อนเล่นกับลูก ชวนคุย ชวนทำกิจกรรมตามหนังสือ ถ้าเนื้อหามันยากไปสำหรับผมที่จะถ่ายทอดให้ลูกเข้าใจง่ายๆ เล่มนั้นก็อาจจะไม่เหมาะ

มีอยู่ช่วงนึงครับ ไปเจอหนังสือชุดนึงที่เพื่อนแนะนำว่าดีมาก ลูกเขาชอบ ผมก็ไปซื้อตาม ปรากฏว่าลูกผมไม่มองเลยครับ วางไว้บนชั้นเฉยๆ กลายเป็นว่าหนังสือที่ลูกผมชอบกลับเป็นเล่มที่ผมซื้อมาแบบไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ภาพมันใหญ่ ตัวการ์ตูนมันตลกๆ หน่อย ลูกเลยติดใจ

บทสรุปจากประสบการณ์ (บ้านๆ ของผม)

จากที่ลองผิดลองถูกมาพักใหญ่ ผมว่ามันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอกครับว่าหนังสือเรียนภาษาอังกฤษอนุบาลเล่มไหนดีที่สุด เพราะเด็กแต่ละคนก็มีความชอบและความสนใจไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมพอจะสรุปได้จากประสบการณ์ของตัวเองก็คือ:

• อย่าเชื่อรีวิวทั้งหมด: อ่านเป็นแนวทางได้ แต่สุดท้ายต้องให้ลูกเราเป็นคนตัดสิน
• ภาพประกอบสำคัญมาก: สำหรับเด็กเล็ก ภาพสวยๆ สีสันสดใส ดึงดูดความสนใจได้ดีจริงๆ ครับ
• กิจกรรมต้องสนุกและหลากหลาย: เด็กวัยนี้สมาธิสั้น ถ้ามีแต่ให้อ่านๆ เขียนๆ แป๊บเดียวก็เบื่อแล้วครับ ต้องมีเกม มีเพลง มีสติ๊กเกอร์บ้าง
• เนื้อหาต้องเหมาะสมกับวัย: ไม่ยากไป ไม่ง่ายไป ค่อยเป็นค่อยไปทีละสเต็ป
• ลองซื้อมาทีละน้อย: อย่าเพิ่งทุ่มซื้อยกชุด ลองดูก่อนว่าลูกชอบจริงไหม
• สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ต้องมีส่วนร่วม: ต่อให้หนังสือดีแค่ไหน ถ้าซื้อมาแล้วโยนให้ลูกดูเองคนเดียว มันก็ไม่เกิดประโยชน์สูงสุดหรอกครับ เราต้องนั่งเล่นไปกับเขา ชวนเขาคุย ชี้ชวนให้เขาดู มันจะทำให้การเรียนรู้สนุกขึ้นเยอะเลย

สุดท้ายนี้ การเลือกหนังสือก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งนะครับ สิ่งสำคัญกว่าคือการสร้างบรรยากาศให้ลูกรู้สึกสนุกกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ อย่าไปกดดันเขามาก ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เดี๋ยวเขาก็ซึมซับได้เองครับ นี่ก็เป็นประสบการณ์ตรงของผมที่อยากเอามาเล่าสู่กันฟัง หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพ่อๆ แม่ๆ ท่านอื่นบ้างนะครับ

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ