สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับการลองใช้งานเจ้าแอปที่ชื่อว่า Palfish ดูครับ เรื่องของเรื่องคือได้ยินชื่อนี้มาสักพักแล้วล่ะ ทั้งจากเพื่อนบ้าง จากที่เห็นคนพูดถึงในเน็ตบ้าง ก็เลยเกิดความสงสัยว่าเอ๊ะ มันคืออะไรกันแน่ ทำอะไรได้บ้าง เลยตัดสินใจว่า เอาวะ ลองดูสักตั้ง!
จุดเริ่มต้นของการลองผิดลองถูก
ตอนแรกเลยนะครับ ผมก็เริ่มจากการค้นหาข้อมูลก่อนเลยครับ พิมพ์ชื่อ Palfish ลงในกูเกิลนี่แหละครับ ก็เจอข้อมูลขึ้นมาเพียบเลย ทั้งเว็บของเขาเอง ทั้งรีวิวจากคนที่เคยใช้ อ่านไปอ่านมาก็ได้ความว่ามันเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เด็กๆ ชาวจีน อืม ก็น่าสนใจดีนะ เพราะผมเองก็พอจะพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง คิดว่าน่าจะเป็นช่องทางหาอะไรทำเพลินๆ แถมอาจจะได้ตังค์ด้วย

หลังจากอ่านข้อมูลคร่าวๆ จนพอใจแล้ว ผมก็ตัดสินใจดาวน์โหลดแอปมาติดตั้งในมือถือเลยครับ ขั้นตอนการติดตั้งก็ง่ายๆ เหมือนแอปทั่วไป ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน พอเปิดแอปขึ้นมาครั้งแรก หน้าตามันก็ดูโอเคนะครับ สีสันสดใสดี ดูเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน
ขั้นตอนการสมัคร และสิ่งที่ต้องเตรียม
ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการสมัครเป็นผู้สอนครับ อันนี้แหละครับที่เริ่มมีรายละเอียดเยอะขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่แค่กรอกชื่ออีเมลแล้วจบนะ มันต้องมีการยืนยันตัวตนด้วยการถ่ายรูปบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต แล้วก็ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว ประสบการณ์การสอน (ถ้ามี) แล้วก็ที่สำคัญเลยคือต้องมีพวกใบรับรองการสอนภาษาอังกฤษอย่าง TEFL หรือ TESOL ด้วย ตอนนั้นผมยังไม่มีหรอกครับ ก็แอบใจแป้วนิดนึง แต่ก็เห็นว่ามันมีตัวเลือกให้สำหรับคนที่ไม่มีใบรับรองด้วย แต่เงื่อนไขอาจจะต่างกันไป
สิ่งที่ผมว่าท้าทายอีกอย่างคือการอัดวิดีโอแนะนำตัวเองครับ โอ้โห อันนี้เขินเลยครับ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ต้องพยายามพูดภาษาอังกฤษให้คล่อง ให้ดูเป็นธรรมชาติ แล้วก็ต้องยิ้มแย้มแจ่มใสด้วย อัดไปหลายเทคเหมือนกันครับกว่าจะพอใจ ฮ่าๆๆ
หลังจากส่งข้อมูลทุกอย่างไปครบถ้วนแล้ว ก็ต้องรอครับ รอให้ทาง Palfish เขาอนุมัติ ซึ่งขั้นตอนนี้ก็ใช้เวลาอยู่หลายวันเหมือนกันครับ ระหว่างรอก็แอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่าจะผ่านไหมนะ
เมื่อได้เข้ามาลองใช้จริงจัง
ในที่สุด! ผมก็ได้รับอีเมลแจ้งว่าการสมัครของผมผ่านการอนุมัติแล้ว ดีใจมากครับ! พอเข้ามาในระบบจริงๆ ก็เริ่มสำรวจดูว่ามีอะไรให้ทำบ้าง หลักๆ เลยก็คือการเปิดช่องเวลา (Availability) ของเราเองว่าเราสะดวกสอนช่วงไหนบ้าง แล้วก็จะมีพวกคอร์สเรียนต่างๆ ให้เราเข้าไปดูเนื้อหาเตรียมตัวสอน
ผมลองเปิดช่องเวลาดู ปรากฏว่าก็มีนักเรียนสนใจติดต่อเข้ามาบ้างครับ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปกครองที่ติดต่อมาสอบถามเรื่องคลาสเรียนให้ลูกๆ ของเขา แรกๆ ก็จะมีการทดลองสอนสั้นๆ ก่อน เพื่อให้นักเรียนกับเราได้ทำความรู้จักกัน แล้วก็ดูว่าสไตล์การสอนของเราเข้ากับน้องๆ ไหม
- การเตรียมตัวสอน: อันนี้สำคัญมากครับ ถึงแม้เนื้อหาจะมีให้ แต่เราก็ต้องทำความเข้าใจ แล้วก็คิดหากิจกรรมเสริม หรือหาวิธีพูดคุยให้น้องๆ สนุกและไม่เบื่อ
- บรรยากาศการสอน: ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเล็กๆ ครับ เราก็ต้องใช้พลังงานเยอะหน่อย ทั้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย ใช้ตุ๊กตาประกอบการสอนบ้าง อะไรบ้าง
- การจัดการเวลา: ต้องตรงต่อเวลามากๆ ครับ ทั้งเวลาเริ่มคลาสและจบคลาส
ความท้าทายที่เจอ: เอาจริงๆ นะครับ มันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิดไว้ตอนแรกนะ บางทีก็เจอปัญหาเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตบ้าง หรือบางทีน้องๆ ก็อาจจะงอแงบ้าง เราก็ต้องใจเย็นแล้วก็พยายามหาวิธีรับมือไป
บทสรุปจากการลองใช้งาน Palfish
ถ้าให้สรุปประสบการณ์การลองเรียนรู้และใช้งาน Palfish ของผมนะครับ ผมว่ามันเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีเลยนะ ทำให้ผมได้ฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ได้เรียนรู้เทคนิคการสอนเด็กเล็กๆ ซึ่งเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับผมมาก แล้วก็ได้เห็นวัฒนธรรมที่แตกต่างผ่านการพูดคุยกับผู้ปกครองและนักเรียน
ถามว่ามันเหมาะกับทุกคนไหม ผมว่าก็แล้วแต่คนนะครับ ถ้าใครที่ชอบสอน ชอบพูดคุยกับเด็กๆ แล้วก็มีเวลาว่างที่ค่อนข้างยืดหยุ่น Palfish ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งเรื่องเอกสาร ความรู้ แล้วก็ที่สำคัญคือใจที่พร้อมจะเรียนรู้และปรับตัวครับ เพราะมันก็มีรายละเอียดจุกจิกพอสมควรเลยล่ะ ไม่ใช่แค่เข้ามาแล้วจะได้สอนเลย มันต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง
โดยรวมแล้ว ผมว่าการลองทำอะไรใหม่ๆ แบบนี้มันก็ได้อะไรกลับมาเสมอแหละครับ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ามันเป็นยังไง เหมาะกับเราไหม ดีกว่าแค่สงสัยแล้วไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย จริงไหมครับ? วันนี้ก็ขอจบการแชร์ประสบการณ์ไว้เท่านี้นะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจ Palfish อยู่บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments