สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ลองของใหม่ที่ไปเจอมา นั่นก็คือ Palfish Thailand นี่แหละครับ
เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นผมเบื่อๆ อยากหาอะไรทำเป็นงานเสริม เพื่อนมันก็แนะนำมาว่า เฮ้ย ลองดู Palfish สิ เห็นคนไทยก็ใช้กันเยอะนะ ทั้งสอนทั้งเรียน ผมก็เอ๊ะ มันคืออะไรวะ ไม่เคยได้ยินชื่อเลย
ด้วยความอยากรู้จัด ก็เลยลองไปค้นข้อมูลดูในเน็ตนี่แหละครับ ก็พอจะจับใจความได้ว่ามันเป็นแอปฯ สอนภาษาอังกฤษออนไลน์ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆ เรียนกับครูต่างชาติ ตอนแรกก็คิดว่าเออ น่าสนใจดีแฮะ เผื่อจะหารายได้พิเศษได้บ้าง
ขั้นตอนการลองสมัครเป็นครู
ผมตัดสินใจลองสมัครเป็นครูดูครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เข้าไปในแอปฯ หน้าตามันก็ดูทันสมัยดีนะ แต่พอเริ่มขั้นตอนการสมัครเท่านั้นแหละ โอ้โห… เอกสารเยอะสิ่งมาก
- อย่างแรกเลยคือต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว อันนี้ก็ปกติทั่วไป
- จากนั้นก็ต้องมีพวกใบรับรองการสอน หรือวุฒิการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษ โชคดีที่ผมพอมีติดตัวอยู่บ้าง
- ที่พีคคือมันต้องอัดวิดีโอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษด้วย! ตอนแรกก็เขินๆ นะ พูดคนเดียวหน้ากล้องเนี่ย
- แล้วก็ยังไม่จบแค่นั้น มันจะมีให้ทำเดโม หรือตัวอย่างการสอนสั้นๆ ส่งไปด้วยครับ ตรงนี้แหละที่ผมนั่งแก้แล้วแก้อีกหลายรอบเลย อยากให้ออกมาดีที่สุด
จำได้ว่าตอนนั้นใช้เวลาเตรียมตัวอยู่หลายวันเหมือนกัน กว่าจะรวบรวมเอกสารครบถ้วน แล้วก็อัดวิดีโอจนพอใจ หลังจากส่งใบสมัครไปแล้ว ก็นั่งรอผลครับ ใจตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่เหมือนกันว่าจะผ่านไหม
พอได้เข้าไปดูข้างใน
หลังจากรออยู่ประมาณนึง (จำไม่ได้ชัดว่ากี่วัน แต่น่าจะไม่เกินอาทิตย์) ก็มีแจ้งเตือนมาว่าการสมัครของผมผ่านแล้ว! ดีใจสิครับ รออะไรอยู่
ผมก็ลองเข้าไปสำรวจดูในระบบของเค้า ก็เห็นมีครูเยอะแยะเลยครับ ส่วนใหญ่ที่เห็นบ่อยๆ ก็จะเป็นครูจากฟิลิปปินส์เยอะหน่อย แล้วก็มีจากประเทศอื่นๆ บ้าง ส่วนนักเรียน เท่าที่สังเกตจากในกลุ่มคอมมูนิตี้ของเค้า ส่วนมากจะเป็นเด็กนักเรียนจากจีนครับ ที่ผู้ปกครองอยากให้ลูกได้ฝึกภาษากับเจ้าของสำเนียง
เรื่องของเนื้อหาการสอน เค้าก็จะมีเป็นคอร์สสำเร็จรูปมาให้เลยนะ เราแค่เตรียมตัวตามสไลด์ที่เค้ามีให้ ก็สะดวกดีสำหรับคนที่ไม่รู้จะเริ่มสอนยังไง
ส่วนเรื่องรายได้ อันนี้ผมว่ามันก็แล้วแต่คนมองนะ ถ้าเทียบกับการสอนพิเศษแบบตัวต่อตัวที่เราไปสอนตามบ้านในไทย อาจจะดูไม่สูงเท่า แต่ถ้ามองว่าเราสอนจากที่บ้านได้ ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมสื่อเองทั้งหมด มันก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่โอเคสำหรับบางคน โดยเฉพาะคนที่อยากมีรายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ หรือคนที่อยู่ต่างจังหวัดแล้วหาโอกาสสอนแบบนี้ยาก
ประสบการณ์ส่วนตัวที่อยากแชร์
ต้องบอกตามตรงว่าช่วงที่ผมลองสมัคร Palfish เนี่ย เป็นช่วงที่ผมเพิ่งออกจากงานประจำมาพอดี รู้สึกเคว้งๆ นิดหน่อย กำลังมองหาลู่ทางใหม่ๆ ให้ชีวิต ก็เลยคิดว่าเออ… ถ้าได้งานสอนออนไลน์เป็นเรื่องเป็นราว ก็น่าจะดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยก็มีอะไรทำ มีรายได้เข้ามาบ้าง
งานเก่าผมอะเหรอ อย่าให้เซดเลยครับ ปัญหามันเยอะ ทั้งเรื่องคน ทั้งเรื่องระบบ คิดแล้วก็ปวดหัว เอาเป็นว่าจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ฮ่าๆ ก็เลยอยากหาอะไรที่มันอิสระ ทำด้วยตัวเองได้มากขึ้น
ตอนแรกก็ตั้งความหวังกับ Palfish ไว้เหมือนกันนะ ว่าถ้ามันเวิร์คจริงๆ อาจจะยึดเป็นอาชีพหลักไปเลยก็ได้ ไม่ต้องไปง้อสมัครงานที่ไหนอีก
สุดท้ายแล้วเป็นยังไงต่อ
หลังจากลองสอนไปได้สักพัก ผมก็รู้สึกว่ามันอาจจะยังไม่ใช่ทางของผมเท่าไหร่ ด้วยหลายๆ ปัจจัยครับ อย่างแรกเลยคือเรื่องเวลา เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กจีน เวลาที่เราต้องสอนก็จะเป็นช่วงเย็นๆ ค่ำๆ ของบ้านเค้า ซึ่งตรงกับช่วงหัวค่ำถึงดึกบ้านเรา บางทีก็รู้สึกว่ามันกระทบเวลานอนเหมือนกัน
อีกอย่างคือ การแข่งขันในนั้นก็สูงพอตัวเลยครับ ครูใหม่ๆ ก็ต้องพยายามสร้างโปรไฟล์ให้น่าสนใจ ต้องแอคทีฟมากๆ เพื่อให้นักเรียนเห็นและเลือกเรา ซึ่งผมอาจจะไม่ได้ถนัดเรื่องการโปรโมทตัวเองขนาดนั้น
สรุปแล้ว สำหรับ Palfish Thailand เนี่ย ผมว่ามันก็เป็นอีกแพลตฟอร์มหนึ่งที่น่าสนใจนะ สำหรับคนที่อยากสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ หรือผู้ปกครองที่อยากให้ลูกๆ ได้เรียนกับครูต่างชาติในราคาที่จับต้องได้ มันก็มีข้อดีตรงความสะดวกสบาย ทำงานจากที่ไหนก็ได้ แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่เราต้องพิจารณาดูว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์และความคาดหวังของเราไหม
ส่วนตัวผม หลังจากลองไปได้ไม่นานก็ตัดสินใจพักไว้ก่อนครับ อาจจะเพราะผมไปเจอลู่ทางอื่นที่รู้สึกว่ามันคลิกกับตัวเองมากกว่า ไว้ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ วันนี้ก็ประมาณนี้แหละครับผม!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments