สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยเกี่ยวกับเรื่องค่าเรียน Palfish ที่หลายคนน่าจะสงสัยกันอยู่ ว่ามันเป็นยังไง แพงไหม คุ้มหรือเปล่า ผมก็เป็นคนนึงที่เคยสงสัยแบบนั้นแหละครับ ก็เลยลงมือหาข้อมูลเอง ลองเอง จนรู้เรื่องราวมาประมาณนึง เลยอยากมาเล่าสู่กันฟัง
คือเรื่องมันเริ่มจากลูกผมเนี่ยแหละ อยากให้แกได้ภาษาอังกฤษติดตัวบ้าง ก็เลยเริ่มมองหาคอร์สเรียนออนไลน์ เพราะมันสะดวกดี ไม่ต้องเดินทาง Palfish นี่ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เห็นผ่านตาบ่อยๆ ทั้งจากโฆษณาเอย เพื่อนบอกต่อเอย ก็เลยอ่ะ ลองดูหน่อยสิ
ตอนแรกเลยนะ ผมก็โหลดแอปมาดูก่อนเลยครับ สำรวจนั่นนี่ ว่ามีอะไรบ้าง หน้าตาแอปเป็นยังไง ใช้งานยากไหม ก็ถือว่าโอเคนะครับ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ทีนี้ก็มาถึงเรื่องสำคัญคือ ค่าเรียน
เรื่องค่าเรียนเนี่ย มันไม่ได้มีบอกโต้งๆ หน้าแรกนะ ผมก็ต้องคลิกเข้าไปดูในส่วนของคอร์สเรียนต่างๆ ของเขา ซึ่งมันก็มีหลายแบบให้เลือกเลยครับ เท่าที่ผมลองกดๆ ดู แล้วก็สอบถามจากเจ้าหน้าที่เขาบ้างนะ มันก็จะมีประมาณนี้:
- คอร์สเรียนแบบตัวต่อตัวกับครูต่างชาติ (Native Speaker): อันนี้จะเป็นที่นิยมสุดเลยมั้ง ราคาก็จะสูงหน่อย คิดเป็นรายครั้ง หรือส่วนใหญ่เขาจะแนะนำให้ซื้อเป็นแพ็กเกจ เช่น 25 นาทีต่อคลาส ซื้อทีละหลายๆ คลาส ราคาก็จะถูกลงมาหน่อย ยิ่งแพ็กเกจใหญ่จำนวนคลาสเยอะ ราคาต่อคลาสก็จะยิ่งถูกลงไปอีก ตอนนั้นผมเห็นมีตั้งแต่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลายหมื่นเลย แล้วแต่จำนวนคลาสที่เราเลือก
- คอร์สเรียนแบบกลุ่มเล็กๆ: อันนี้ราคาก็จะถูกลงมาหน่อย เด็กๆ ก็จะเรียนพร้อมกันหลายคน อาจจะ 3-4 คนต่อห้อง ก็จะประหยัดงบลงมาได้อีกนิดนึง
- คอร์สเสริมอื่นๆ: นอกจากคลาสสอนสดแล้ว มันก็จะมีพวกคอร์สเสริมแบบเป็นเนื้อหาให้อ่านเอง หรือเป็นเกม พวกフォニックス (phonics) อะไรแบบนี้ ราคาก็จะแตกต่างกันไปอีก บางทีก็มีโปรโมชั่นแถมมากับแพ็กเกจหลัก
ที่สำคัญเลยนะ คือเขาก็มีให้ทดลองเรียนฟรีก่อนด้วย อันนี้ดีมาก ผมก็ไม่พลาดที่จะให้ลูกลองก่อนเลยครับ จะได้รู้ว่าลูกชอบไหม ครูสอนเป็นยังไง เข้ากับลูกเราได้หรือเปล่า เพราะถ้าจ่ายเงินไปแล้วลูกไม่ยอมเรียนนี่แย่เลยนะ
หลังจากให้ลูกลองเรียนฟรีไปคราสนึง ลูกก็ดูตื่นเต้นดีนะ ครูเขาก็ดูมีเทคนิคการสอนเด็กเล็กพอสมควร ใช้ตุ๊กตา ใช้เพลงอะไรแบบนี้ ผมก็เลยเริ่มมานั่งคำนวณดูจริงจัง ว่าถ้าจะให้เรียนต่อเนื่องมันจะตกประมาณเท่าไหร่ คุ้มกับเงินที่จ่ายไปไหม
ตอนนั้นก็ชั่งใจอยู่เหมือนกันครับว่าจะเอาไงดี เทียบกับจ้างครูมาสอนที่บ้าน หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่มีในตลาด แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลอง Palfish ดู เพราะเห็นรีวิวค่อนข้างดี แล้วลูกก็ดูมีท่าทีว่าจะชอบ ผมก็เลือกแพ็กเกจขนาดกลางๆ มาก่อน ไม่ได้เอาใหญ่สุด กลัวลูกเบื่อกลางคัน หรือถ้าไม่เวิร์คจะได้ไม่เจ็บตัวมาก
วิธีการจ่ายเงินก็มีหลายช่องทางนะ ที่ผมทำคือจ่ายผ่านบัตรเครดิต มันก็สะดวกดี ตัดบัตรไปก็เริ่มเรียนได้เลย พอจ่ายเงินเสร็จ เขาก็จะมีระบบให้เราเลือกครู เลือกเวลาเรียนเองได้ค่อนข้างอิสระ
ถามว่าคุ้มไหม สำหรับผมนะ หลังจากที่ให้ลูกเรียนมาสักพัก ผมว่ามันก็โอเคเลย ลูกได้ฝึกพูดกับเจ้าของภาษาจริงๆ สำเนียงก็เริ่มดีขึ้น มีความกล้าที่จะพูดมากขึ้น แต่ก็ต้องบอกว่ามันก็แล้วแต่คน แล้วแต่งบประมาณด้วยครับ บางคนอาจจะว่าแพงไป บางคนอาจจะว่าคุ้มค่ากับการลงทุนให้ลูก
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมอยากจะเน้นย้ำเลยก็คือ ต้องให้ลูกได้ลองเรียนฟรีก่อน จริงๆ ครับ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจซื้อคอร์สใหญ่ๆ ดูฟีดแบ็คลูกเราเป็นหลักว่าเขาชอบไหม สไตล์การสอนของครูโอเคหรือเปล่า เพราะเงินที่เราจ่ายไปก็ไม่ใช่น้อยๆ เนอะ
ก็ประมาณนี้ครับ ประสบการณ์ตรงๆ ของผมกับการหาข้อมูลค่าเรียน Palfish ตั้งแต่เริ่มโหลดแอป ลองเรียนฟรี ไปจนถึงตัดสินใจจ่ายเงินเรียนจริง หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพ่อๆ แม่ๆ หรือใครก็ตามที่กำลังมองหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่นะครับ ลองเอาไปพิจารณากันดูครับผม
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments