สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยเรื่องเลือกสื่อสอนอังกฤษให้ลูกตัวเองเนี่ยแหละครับ ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรนะครับ แต่อยากเล่าจากที่ลองผิดลองถูกมากับลูกชายล้วนๆ เลย
ช่วงเริ่มต้นที่ยังจับทางไม่ถูก
ตอนลูกเริ่มโตหน่อย ประมาณสักสองขวบกว่าๆ ก็เริ่มคิดแล้วว่าอยากให้เค้าได้ภาษาอังกฤษบ้าง ทีนี้ก็เริ่มเลยครับ หาข้อมูลใหญ่เลยว่าเค้าใช้อะไรสอนกันบ้าง
อย่างแรกที่ลองเลยคือพวกบัตรคำศัพท์ (Flashcards) ซื้อมาเป็นชุดเลยครับ รูปสัตว์ รูปผลไม้ พร้อมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ คิดว่าจะเวิร์ค ปรากฏว่าลูกมองแป๊บเดียวก็เบื่อแล้วครับ ชี้ๆ ให้พูดตามได้ไม่กี่คำก็วิ่งหนีไปเล่นอย่างอื่นแล้ว ผมก็พยายามเอามาเล่นด้วยบ่อยๆ นะ แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนบังคับเค้าเรียนมากกว่า
ต่อมาก็ลองพวกแอปพลิเคชันในแท็บเล็ต โอ้โห อันนี้มีเยอะมาก เลือกไม่ถูกเลย ลองโหลดมาหลายอันเหมือนกัน บางอันก็เป็นเกมคำศัพท์ บางอันก็เป็นนิทานภาษาอังกฤษ ลูกก็ดูสนใจนะช่วงแรกๆ แต่ปัญหาคือ ผมไม่อยากให้เค้าจ้องจอนานเกินไป แล้วบางทีก็รู้สึกว่าเค้าแค่กดๆ ไปตามเกม ไม่ได้ซึมซับอะไรเท่าไหร่ เหมือนเป็นการเล่นสนุกมากกว่าการเรียนรู้จริงๆ จังๆ แล้วก็แอบกังวลเรื่องสมาธิสั้นด้วย
หนังสือที่เป็นแบบเรียนจริงจังก็เคยลองซื้อมาดู แบบมี A B C มีคำศัพท์เป็นหมวดหมู่ อันนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เปิดให้ดูได้หน้าสองหน้าก็ปิดแล้ว บอกว่าไม่สนุกท่าเดียวเลย ผมก็เข้าใจนะ เด็กวัยนี้เค้ายังอยากเล่นมากกว่ามานั่งท่องจำอะไรแบบนี้
จุดเปลี่ยนและความเข้าใจใหม่
หลังจากลองมาหลายอย่างแล้วเริ่มท้อเหมือนกันนะ ว่าเอ๊ะ หรือลูกเราจะไม่ชอบภาษาอังกฤษซะแล้ว จนวันนึงผมพาลูกไปร้านหนังสือเด็ก แล้วเค้าก็ไปหยิบหนังสือนิทานภาพภาษาอังกฤษเล่มนึงขึ้นมาเองเลยครับ เป็นเล่มที่ภาพสวยมาก สีสันสดใส ตัวหนังสือไม่เยอะ ผมก็เลยลองนั่งอ่านให้เค้าฟัง ชี้ไปที่รูปแล้วก็พูดคำศัพท์ง่ายๆ ที่อยู่ในนั้น เค้าดูตั้งใจฟังมาก แถมยังชี้ตามแล้วพยายามออกเสียงตามด้วย
ตอนนั้นแหละครับที่เหมือนคลิกเลย! ผมถึงบางอ้อว่าจริงๆ แล้วเด็กเล็กๆ เนี่ย เค้าเรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านการเล่น แล้วก็สิ่งที่เค้าสนใจจริงๆ ไม่ใช่การยัดเยียดข้อมูลให้เค้า สื่อการสอนที่ดีมันควรจะเนียนไปกับกิจกรรมที่เค้าชอบ
จากนั้นผมก็เลยเปลี่ยนแนวทางใหม่หมดเลยครับ
- เน้นหนังสือนิทานภาพภาษาอังกฤษ ที่มีเนื้อเรื่องสนุกๆ ภาพประกอบน่ารักๆ อ่านให้ฟังก่อนนอนทุกคืน อ่านไปก็ทำเสียงเล็กเสียงน้อย ชี้ชวนให้ดูรูปภาพ ถามคำถามง่ายๆ บ้าง
- เพลงเด็กภาษาอังกฤษ อันนี้เวิร์คมาก! เปิดให้ฟังบ่อยๆ ตอนเล่น ตอนกินข้าว ตอนอาบน้ำ เพลงสนุกๆ ท่าเต้นง่ายๆ เด็กๆ ชอบอยู่แล้ว เค้าจะฮัมตาม ร้องตามได้เองโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเรียนศัพท์ใหม่ๆ อยู่
- การ์ตูนหรือคลิปสั้นๆ ภาษาอังกฤษ อันนี้ต้องเลือกหน่อยครับ เลือกอันที่เนื้อหาดี เหมาะกับวัย แล้วก็จำกัดเวลาดู ไม่ให้ดูนานเกินไป ส่วนใหญ่ผมจะเลือกแบบที่เป็นเพลง หรือการ์ตูนสอนคำศัพท์ง่ายๆ สัตว์ สี ตัวเลข พวกนี้ครับ
- ของเล่นที่ช่วยเสริมทักษะ เช่น บล็อกตัวอักษรภาษาอังกฤษ หรือเกมจับคู่ภาพกับคำศัพท์ แต่จะเอามาเล่นด้วยกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เค้าเล่นคนเดียว ทำให้มันเหมือนการเล่นเกมสนุกๆ มากกว่า
- ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน อันนี้สำคัญมาก ผมพยายามสอดแทรกคำศัพท์ง่ายๆ เข้าไปในการพูดคุยกับเค้า เช่น “Do you want milk?” “Let’s go take a bath.” “Big bear, small cat.” แรกๆ เค้าก็งงๆ นะครับ แต่พอทำบ่อยๆ เค้าก็เริ่มเข้าใจและมีคำศัพท์ติดปากมาบ้าง
ผลลัพธ์ที่ได้จากการปรับเปลี่ยน
พอเปลี่ยนมาใช้วิธีพวกนี้ รู้สึกได้เลยว่าลูกสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้นเยอะครับ เค้าไม่ต่อต้านเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมยังกล้าพูดคำศัพท์ภาษาอังกฤษออกมาเองบ้าง ถึงจะยังไม่เป็นประโยคยาวๆ แต่ก็เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมค้นพบ คือการเลือกสื่อต้องดูที่ความสนใจของลูกเป็นหลักครับ แล้วก็ต้องทำให้การเรียนรู้มันเป็นเรื่องสนุก ไม่ใช่การบังคับ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าสื่อแบบไหนดีที่สุดสำหรับเด็กทุกคน พ่อแม่ต้องคอยสังเกตแล้วก็ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ครับ
นี่ก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผมนะครับ อาจจะไม่ได้ถูกต้องตามหลักวิชาการเป๊ะๆ แต่ก็เป็นวิธีที่ผมลองใช้แล้วมันได้ผลกับลูกผมจริงๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ บ้างนะครับ ลองเอาไปปรับใช้กันดูครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments