สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยนะ เรื่องหาสื่อการสอนภาษาอังกฤษให้เจ้าตัวเล็กที่บ้าน บอกเลยว่าลองผิดลองถูกมาเยอะพอสมควร จนอยากจะมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ บ้างครับ
จุดเริ่มต้นความวุ่นวายของผม
ตอนลูกคนแรกยังเล็กๆ เนี่ย ผมนี่หัวหมุนเลยนะ อยากให้ลูกได้ภาษาอังกฤษตั้งแต่เนิ่นๆ ใครว่าอะไรดี อะไรดัง ผมนี่จัดมาหมดเลยครับ

- บัตรคำศัพท์ (flashcards) สีสวยๆ ลายน่ารักๆ ซื้อมาเป็นตั้งๆ กะว่าเอามาเปิดให้ลูกดูทุกวัน
- หนังสือภาพภาษาอังกฤษ ทั้งเล่มหนา เล่มบาง บางเล่มมีเสียงกดได้ด้วยนะ คิดว่าลูกต้องชอบแน่ๆ
- แอปพลิเคชันสอนภาษาในแท็บเล็ต โอ้โห อันนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย โหลดมาเก็บไว้เพียบ! มีทั้งเกม มีทั้งเพลง
- เพลงภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก ช่องนั้นช่องนี้ในยูทูบ เปิดให้ฟังวนไปครับ บางทีก็เปิดทิ้งไว้ตอนลูกเล่นของเล่น
- ของเล่นเสริมทักษะที่เคลมว่าสอนภาษาได้ ก็สอยมาอีก
ช่วงแรกๆ ก็ดูเหมือนจะดีนะ ลูกก็มองๆ สนใจบ้าง แต่พอผ่านไปสักพัก เอ๊ะ! ทำไมลูกมันดูไม่ค่อยอินเลยวะ บางทีก็มองแป๊บๆ แล้วก็หันไปสนใจอย่างอื่น หรือบางทีก็หยิบมาเคาะๆ กัดๆ ตามประสาเด็ก ของบางอย่างซื้อมาแพงๆ ลูกเล่นไม่ถึงห้านาทีก็เบื่อแล้ว ผมนี่เริ่มเกาหัวเลย เสียเงินไปก็เยอะ แต่ผลลัพธ์มันไม่เหมือนที่คิดไว้แฮะ
แล้วผมทำยังไงต่อ? ค่อยๆ จับทางได้
จนวันนึงผมนั่งมองลูกเล่นของเล่นธรรมดาๆ ของเขานั่นแหละ แล้วก็ปิ๊งขึ้นมาเลย! เฮ้ย จริงๆ แล้วความสม่ำเสมอ กับการทำให้มันเป็นเรื่องสนุกในชีวิตประจำวันนี่แหละสำคัญกว่าการมีของเล่นแพงๆ หรือสื่อเยอะๆ กองเต็มบ้าน
ผมเลยเริ่มปรับวิธีใหม่ครับ จากที่เคยประโคมทุกอย่างใส่ลูก ก็เปลี่ยนมาเป็น:
- เลือกทีละอย่างสองอย่าง: ไม่ต้องเยอะ แต่เน้นอันที่ลูกดูจะชอบจริงๆ หรืออันที่เราคิดว่าเอามาเล่นด้วยกันได้สนุก เช่น ถ้าเป็นบัตรคำศัพท์ ก็เอามาแค่ชุดเล็กๆ ก่อน ไม่ใช่กางออกมาหมดเป็นร้อยใบ
- เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน: อันนี้ผมว่าเวิร์คสุดๆ เลยนะ เช่น ตอนอาบน้ำ ก็อาจจะหยิบตุ๊กตาเป็ดเหลืองมา แล้วก็พูดว่า “duck, yellow duck” หรือตอนกินข้าว เห็นกล้วย ก็พูดว่า “banana, yummy banana” พูดไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคาดหวังว่าลูกจะพูดตามทันที แต่ให้เขาคุ้นหู
- ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของการเล่น: แทนที่จะจงใจ “สอน” ผมเปลี่ยนเป็นการ “เล่น” ด้วยภาษาอังกฤษ เช่น เล่นจ๊ะเอ๋ ก็ “peek-a-boo!” หรือตอนต่อบล็อกไม้ ก็อาจจะนับ “one, two, three” ไปด้วย หรือบอกสี “red block, blue block”
- อ่านนิทานภาษาอังกฤษ (แบบง่ายๆ): ก่อนนอน ผมจะเลือกนิทานภาพคำศัพท์ไม่เยอะ อ่านให้ฟังด้วยน้ำเสียงสนุกๆ ชี้ชวนให้ดูรูปภาพ บางทีก็ทำเสียงสัตว์ตามในหนังสือ ลูกจะหัวเราะคิกคักเลย
- ร้องเพลงภาษาอังกฤษง่ายๆ ด้วยกัน: เพลงเด็กๆ ที่มีท่าทางประกอบ เช่น “Head, Shoulders, Knees, and Toes” หรือ “Twinkle Twinkle Little Star” ร้องไปทำท่าไป ลูกจะสนุกตามไปด้วย
- เลิกกดดันตัวเองและลูก: อันนี้สำคัญมาก ผมเลิกคาดหวังว่าลูกจะต้องเก่งภาษาอังกฤษทันทีทันใด แค่ให้เขาได้ซึมซับไปเรื่อยๆ อย่างเป็นธรรมชาติก็พอ
พอผมเปลี่ยนมาใช้วิธีแบบนี้ ผมสังเกตเห็นเลยว่าลูกดูผ่อนคลายขึ้น แล้วก็มีส่วนร่วมมากขึ้น อาจจะไม่ได้พูดเป็นคำๆ ได้เร็ว แต่เขาเริ่มเข้าใจสิ่งที่เราพูด เริ่มชี้ตามได้ หรือทำท่าทางตอบสนองได้ ผมว่าแค่นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ แล้วครับ
สรุปจากประสบการณ์ตรง
สุดท้ายแล้ว ไอ้พวกสื่อการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นบัตรคำ หนังสือ แอปพลิเคชัน หรือของเล่นต่างๆ เนี่ย มันก็เป็นแค่เครื่องมือครับ ถ้าเราใช้ไม่เป็น หรือใช้แบบไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็ก มันก็ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร แต่ถ้าเราหยิบมันมาใช้อย่างถูกวิธี ทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมสนุกๆ ในแต่ละวัน ผมว่ามันจะช่วยปูพื้นฐานภาษาอังกฤษให้ลูกได้ดีเลยทีเดียวครับ
ที่สำคัญที่สุดคือเวลาคุณภาพที่เราให้กับลูก และความสม่ำเสมอในการใช้ภาษาอังกฤษรอบๆ ตัวเขา ไม่ต้องหรูหรา ไม่ต้องแพง แค่ทำให้มันง่ายๆ และสนุกสนานเข้าไว้ครับผม ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments