อยากรู้ไหม ielts กับ toeic สอบอันไหนง่ายกว่ากัน
อยากรู้ไหม ielts กับ toeic สอบอันไหนง่ายกว่ากัน
Share:

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองเกี่ยวกับข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยอดฮิตสองตัวนี้เลยครับ คือ IELTS กับ TOEIC หลายคนอาจจะกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะสอบตัวไหนดี หรือสอบตัวไหนไปทำอะไรได้บ้าง ผมเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาเหมือนกันครับ เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังตั้งแต่เริ่มเลยว่าเส้นทางของผมกับเจ้าสองตัวนี้มันเป็นยังไง

จุดเริ่มต้นกับการสอบ IELTS ครั้งแรกในชีวิต

เรื่องมันเริ่มมาจากตอนที่ผมทำงานประจำมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้วล่ะครับ เริ่มรู้สึกว่าอยากจะหาอะไรใหม่ๆ ให้ชีวิต อยากจะพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น ตอนนั้นก็มองๆ เรื่องไปเรียนต่อต่างประเทศดู พอเริ่มหาข้อมูลปุ๊บ สิ่งแรกที่เด้งขึ้นมาเลยก็คือ “ต้องมีผลสอบ IELTS” โอ้โห ตอนนั้นก็มึนตึ้บเลยครับ ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยสอบอะไรแบบนี้มาก่อนเลย

อยากรู้ไหม ielts กับ toeic สอบอันไหนง่ายกว่ากัน

ขั้นตอนการเตรียมตัวของผมก็ประมาณนี้ครับ:

  • ศึกษาข้อมูล: อย่างแรกเลยคือต้องไปทำความรู้จักกับมันก่อนว่า IELTS เนี่ยมันสอบอะไรบ้าง มีกี่พาร์ท (สรุปคือมีครบเลยครับ ฟัง พูด อ่าน เขียน) แล้วแต่ละพาร์ทหน้าตาข้อสอบเป็นยังไง
  • หาหนังสือและแหล่งข้อมูล: ผมก็เริ่มไปตระเวนตามร้านหนังสือเลยครับ หาหนังสือเตรียมสอบ IELTS มาอ่าน มีทั้งหนังสือรวมข้อสอบเก่า หนังสือสอนเทคนิคแต่ละพาร์ท แล้วก็ดูคลิปสอนตามยูทูบบ้าง
  • ลงคอร์สติว (นิดหน่อย): ยอมรับเลยว่าบางพาร์ทอย่าง Speaking กับ Writing นี่ไปไม่เป็นจริงๆ ครับ เลยตัดสินใจลงคอร์สระยะสั้นๆ ไปบ้าง เพื่อให้พอจับทางได้ว่ากรรมการเค้าต้องการอะไร ต้องตอบยังไงให้ได้คะแนน
  • ฝึกทำข้อสอบจับเวลา: อันนี้สำคัญมากครับ พอเริ่มเข้าใจแนวทางแล้ว ผมก็เริ่มฝึกทำข้อสอบแบบจับเวลาจริงเลย เพื่อให้ชินกับแรงกดดันในห้องสอบ

จำได้เลยว่าวันไปสอบจริงนี่ตื่นเต้นสุดๆ ครับ พาร์ทฟังก็ต้องตั้งสมาธิให้ดี พาร์ทอ่านก็ต้องแข่งกับเวลา พาร์ทเขียนก็ต้องเรียบเรียงความคิดให้ทัน ส่วนพาร์ทพูดนี่ก็พยายามพูดให้เป็นธรรมชาติที่สุด ผลสอบออกมาก็ถือว่าพอถูไถไปได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ครับ คือพอที่จะยื่นสมัครเรียนได้

แล้ว TOEIC มาเกี่ยวอะไรด้วย?

หลังจากเรียนจบกลับมาทำงานที่ไทยได้สักพักใหญ่ๆ บริษัทที่ผมทำอยู่ตอนนั้นก็เริ่มมีนโยบายใหม่ครับ สำหรับพนักงานที่ต้องการจะปรับตำแหน่ง หรือมีโอกาสได้ไปทำงานร่วมกับทีมต่างประเทศ หรือไปดูงานต่างประเทศ จะต้องมีผลคะแนน TOEIC ยื่นประกอบการพิจารณาด้วย

ตอนแรกก็แอบคิดในใจ “อ้าว! ต้องสอบอีกแล้วเหรอ” แต่พอได้ไปศึกษาข้อมูลของ TOEIC จริงๆ จังๆ ก็พบว่ามันแตกต่างจาก IELTS พอสมควรเลยครับ

ความแตกต่างที่ผมเจอ และการเตรียมตัว TOEIC ของผม:

  • รูปแบบข้อสอบ: TOEIC ที่ผมสอบตอนนั้น (น่าจะเป็นรูปแบบที่ยังใช้กันทั่วไป) จะเน้นหลักๆ แค่ 2 พาร์ทคือ การฟัง (Listening) กับ การอ่าน (Reading) ครับ ไม่มีพาร์ทการพูด หรือการเขียนแบบ IELTS ซึ่งสำหรับผมตอนนั้นก็รู้สึกว่ามันสบายกว่าหน่อย เพราะพาร์ทเขียน IELTS นี่ทำเอาเหงื่อตกเหมือนกัน
  • เนื้อหา: เนื้อหาส่วนใหญ่ของ TOEIC จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงานในออฟฟิศ การติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ การประกาศต่างๆ ประกาศรับสมัครงาน อะไรทำนองนี้ครับ ซึ่งมันค่อนข้างตรงกับชีวิตการทำงานประจำวันมากกว่า IELTS ที่เนื้อหาจะกว้างกว่านั้นมาก
  • การเตรียมตัว: การเตรียมตัว TOEIC ของผมเลยเน้นไปที่การหาข้อสอบเก่ามาทำเยอะๆ ครับ โดยเฉพาะพาร์ทฟังนี่ต้องฝึกฟังสำเนียงที่หลากหลาย ส่วนพาร์ทอ่านก็ต้องบริหารเวลาให้ดี เพราะข้อสอบค่อนข้างเยอะ ผมไม่ได้ลงคอร์สติว TOEIC นะครับ อาศัยอ่านเองล้วนๆ เพราะพอมีพื้นฐานจากตอนสอบ IELTS มาบ้างแล้ว

ตอนไปสอบ TOEIC ก็รู้สึกชิวกว่า IELTS เยอะครับ อาจจะเพราะมันไม่มีพาร์ทพูดให้ต้องเกร็งด้วย ผลคะแนนออกมาก็โอเคเลยครับ สามารถเอาไปใช้ยื่นตามนโยบายบริษัทได้

สรุปจากประสบการณ์ตรง

ถ้าให้ผมสรุปจากที่ได้ลองมากับตัวเองนะครับ

อยากรู้ไหม ielts กับ toeic สอบอันไหนง่ายกว่ากัน

IELTS เนี่ย มันจะมีความเป็นวิชาการมากกว่า วัดทักษะได้ครบถ้วนกว่าจริงๆ ทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการจะไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือต้องการผลคะแนนที่แสดงความสามารถทางภาษาแบบรอบด้านจริงๆ การเตรียมตัวอาจจะต้องใช้เวลาและความพยายามมากกว่าหน่อยครับ

ส่วน TOEIC จะเน้นไปที่การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและการทำงานมากกว่า ข้อสอบจะไม่ซับซ้อนเท่า IELTS เน้นความเร็วและความเข้าใจในการสื่อสารทางธุรกิจเป็นหลัก ใครที่อยากได้ผลคะแนนไปเพื่อใช้ในการสมัครงานในบริษัทต่างๆ หรือใช้เพื่อปรับตำแหน่งในองค์กร TOEIC ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีและเตรียมตัวได้ง่ายกว่าครับ

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเลือกสอบตัวไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเตรียมตัวที่ดีและสม่ำเสมอครับ ลองหาข้อมูล ดูแนวข้อสอบ แล้วก็วางแผนการอ่านหนังสือ ฝึกทำข้อสอบเยอะๆ มันช่วยได้จริงๆ ครับ หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่นะครับ สู้ๆ ครับ!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติ สำหรับเด็กและเยาวชนอายุ 3 ถึง 18 ปีโดยเฉพาะ

เราจะมอบคาบเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติให้คุณฟรี 1 คาบ พร้อมแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

This field is required.
This field is required.
กรุณากรอกข้อความของคุณที่นี่ โปรดให้สั้นและชัดเจน
ช่องทางการติดต่อที่ต้องการ
คุณต้องการให้เราติดต่อคุณอย่างไร?