สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลย หลังจากที่ผมเองก็สงสัยเหมือนหลายๆ คนในพันทิปนั่นแหละว่า kyna english มันดีจริงไหม เห็นกระทู้ถามกันเยอะแยะเต็มไปหมด ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากให้ลูกได้ภาษาอังกฤษติดตัวบ้าง เลยเริ่มปฏิบัติการสืบเสาะข้อมูลจริงจังเลยครับ

เริ่มจากความสงสัย สู่การลงมือค้นหา

ตอนแรกเลยนะ ผมก็เข้าไปส่องในพันทิปนี่แหละ พิมพ์คีย์เวิร์ดไปเลย “kyna english pantip”, “รีวิว kyna english”, “เรียน kyna english ดีไหม” อะไรประมาณนี้ ก็เจอกระทู้เพียบเลยครับ อ่านไปเรื่อยๆ ก็มีทั้งคนที่บอกว่าดี ลูกเรียนแล้วชอบ กล้าพูดมากขึ้น ครูต่างชาติสอนสนุก ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปเรียนข้างนอก สะดวกดี อีกกลุ่มก็บอกว่าเฉยๆ บ้าง หรือบางทีก็เจอปัญหาเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตบ้าง ครูบางคนอาจจะยังไม่คลิกกับลูกเราบ้าง ราคาก็เป็นอีกปัจจัยที่หลายคนพูดถึง

อ่านเยอะๆ มันก็เริ่มมึนครับ ฮ่าๆ ข้อมูลมันหลากหลายเหลือเกิน เลยตัดสินใจว่า เอาน่า! ลองเองเลยดีกว่าจะได้รู้เรื่องกันไปเลยว่ามันเป็นยังไงกันแน่ จะได้ไม่ต้องคาใจ

ขั้นตอนการทดลองเรียน (แบบบ้านๆ ของผม)

ผมเริ่มจากการเข้าไปดูเว็บไซต์ของเขาเลยครับ ดูรายละเอียดคอร์ส ราคา แพ็กเกจต่างๆ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง แล้วก็ลองติดต่อไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ดู เขาก็ให้ข้อมูลดีนะ ตอบคำถามที่เราสงสัยได้เคลียร์พอสมควร

ทีนี้ถึงขั้นตอนสำคัญ คือให้ลูกลองเรียนดูเลยครับ ตอนแรกก็มีให้ทดลองเรียนก่อนนะ ผมก็เลยจัดไปเลย ให้ลูกได้ลองสัมผัสบรรยากาศการเรียนออนไลน์จริงๆ ดู

• สังเกตลูกตอนเรียน: ผมนั่งดูอยู่ใกล้ๆ เลยครับ ไม่ได้เข้าไปกวนนะ แค่อยากเห็นว่าลูกมีปฏิกิริยายังไง สนใจไหม ครูสอนเป็นยังไง ชวนคุยเก่งหรือเปล่า มีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง
• สอบถามความรู้สึกหลังเรียน: พอเรียนเสร็จปุ๊บ ผมก็รีบถามลูกเลยว่าชอบไหม สนุกหรือเปล่า อยากเรียนอีกไหม ครูสอนเข้าใจง่ายไหม คำตอบของลูกนี่แหละครับสำคัญเลย
• ดูเรื่องเทคนิค: ระหว่างเรียนก็แอบดูด้วยว่าสัญญาณภาพเสียงมันโอเคไหม มีกระตุก มีหลุดบ้างหรือเปล่า เพราะถ้าตรงนี้ไม่ดี การเรียนมันก็ไม่ราบรื่น

ผลลัพธ์และความรู้สึกหลังทดลองจริงจัง

หลังจากที่ให้ลูกได้ลองเรียนไปสักพัก (ผมเลือกแพ็กเกจเล็กๆ มาลองดูก่อน) ก็พอจะเห็นภาพรวมชัดขึ้นครับ

สิ่งที่ผมว่ามันโอเคเลยนะ:

• ความสะดวก: อันนี้ยกให้เลย ไม่ต้องพาลูกไปส่งที่โรงเรียนสอนภาษา ไม่ต้องเผชิญรถติด ประหยัดเวลาไปได้เยอะมาก อยู่บ้านก็เรียนได้
• ครูผู้สอน: เท่าที่เจอมา ครูส่วนใหญ่ก็ดูมีความพยายามในการสอนดีนะครับ พยายามชวนลูกคุย ใช้ภาษาอังกฤษตลอดคลาส มีเกม มีเพลงมาสลับบ้าง ทำให้เด็กไม่เบื่อ
• ความกล้าแสดงออก: สังเกตเห็นว่าลูกกล้าพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น อาจจะเพราะเป็นการเรียนตัวต่อตัว หรือกลุ่มเล็กๆ เลยไม่ค่อยเขินอายเท่าไหร่

แต่ก็มีจุดที่ต้องพิจารณาเหมือนกัน:

• ค่าใช้จ่าย: อันนี้ก็เป็นปัจจัยสำคัญครับ ต้องเทียบกับสถาบันอื่นๆ หรือผลลัพธ์ที่คาดหวัง ว่าคุ้มค่าสำหรับครอบครัวเราไหม
• ความสม่ำเสมอ: การเรียนออนไลน์มันต้องอาศัยวินัยของเด็ก และการสนับสนุนของผู้ปกครองพอสมควรเลยครับ ถ้าวันไหนลูกไม่อยากเรียน หรืองอแง ก็อาจจะต้องหากลยุทธ์มาจูงใจกันหน่อย
• เรื่องครู: บางทีถ้าเจอครูที่คลิกกับลูกเรามากๆ แล้วเกิดครูมีการเปลี่ยนแปลง ก็อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวกับครูคนใหม่นิดนึง
• ประสิทธิภาพเทียบกับการเรียนในห้อง: อันนี้ผมว่าแล้วแต่เด็กแต่ละคนเลยครับ บางคนอาจจะเหมาะกับออนไลน์มากๆ แต่บางคนอาจจะยังต้องการปฏิสัมพันธ์แบบเจอหน้ามากกว่า

สรุปส่งท้ายจากประสบการณ์ตรง

ถ้าถามผมว่า kyna english ดีไหม? จากที่ได้ลองเอง และประกอบกับที่ไปส่องๆ ในพันทิปมา ผมว่ามันก็มีทั้งข้อดีและข้อที่ต้องพิจารณาครับ มันไม่มีอะไรดีที่สุดสำหรับทุกคนหรอกครับ มันขึ้นอยู่กับว่าเราคาดหวังอะไร ลูกเรามีลักษณะนิสัยแบบไหน งบประมาณเรามีเท่าไหร่ และความสะดวกของเราเป็นยังไง

ทางที่ดีที่สุดคือ ลองศึกษาข้อมูลให้เยอะ อ่านรีวิวจากหลายๆ แหล่ง แล้วถ้าเป็นไปได้ ลองให้ลูกได้ทดลองเรียนดูก่อนครับ จะได้รู้ว่ามันเหมาะกับครอบครัวเราจริงๆ หรือเปล่า อย่าเพิ่งเชื่อรีวิวทั้งหมด หรือเชื่อผมทั้งหมดก็ได้ครับ ประสบการณ์ตรงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ลองเองนิดๆ หน่อยๆ จะได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุดสำหรับตัวเราเองครับ

หวังว่าการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับพ่อๆ แม่ๆ หรือใครก็ตามที่กำลังสนใจอยู่นะครับผม วันนี้ไปก่อนล่ะครับ!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ