สวัสดีครับทุกคน วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ที่ไปลองค้นๆ ข้อมูลเกี่ยวกับ Palfish มาหน่อย พอดีมีคนใกล้ตัวเขาอยากรู้ว่ามันดีไหม ราคาเป็นยังไง ก็เลยอาสาไปสืบเสาะเลาะหาข้อมูลมาให้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ที่กำลังสนใจเหมือนกันนะครับ

เริ่มจากที่มาที่ไปก่อนเลย

เรื่องของเรื่องก็คือ พี่สาวผมนี่แหละครับ ลูกแกกำลังเข้าวัยที่อยากให้ลองเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม แกก็ไปได้ยินชื่อ Palfish มา ก็เลยมาปรึกษาผมว่า “แกๆ ช่วยดูให้หน่อยสิ Palfish นี่มันเป็นยังไง ดีจริงไหม ราคาแรงหรือเปล่า” ไอ้เราก็ประเภทชอบลอง ชอบค้นคว้าอยู่แล้ว ก็เลยรับปากไปว่าจะลองไปหาข้อมูลมาให้แบบละเอียดๆ เลย

ลงมือปฏิบัติการค้นหา!

ขั้นแรกเลย ผมก็ไม่ได้ทำอะไรซับซ้อนครับ เริ่มจากลองเอาชื่อ Palfish เนี่ยไปถามๆ เพื่อนฝูงในกลุ่มไลน์พ่อๆ แม่ๆ ดูก่อนเลย ว่ามีใครเคยให้ลูกใช้บ้างไหม เป็นยังไงกันบ้าง เสียงตอบรับก็มีทั้งคนที่เคยใช้แล้วชอบ กับคนที่ไม่เคยใช้แต่เคยได้ยินมาบ้าง

หลังจากนั้น ผมก็เริ่มไปตะลุยอ่านตามพวกเว็บบอร์ดคุณแม่ต่างๆ ตามกลุ่มรีวิวแอปพลิเคชันสำหรับเด็ก คืออ่านเยอะมากครับ อ่านรีวิวทั้งของไทยทั้งของต่างประเทศ (เท่าที่พอจะแปลออกอะนะ) เพื่อให้เห็นภาพรวมกว้างๆ ก่อน

สิ่งที่ผมพยายามมองหาหลักๆ ก็คือ:

• คุณภาพของครูผู้สอนเป็นยังไง เป็นเจ้าของภาษาจริงไหม
• รูปแบบการสอนน่าสนใจสำหรับเด็กหรือเปล่า
• ตัวแอปพลิเคชันใช้งานง่ายไหมสำหรับเด็กและผู้ปกครอง
• แล้วก็แน่นอน เรื่องสำคัญคือ ราคา มันคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้ไหม

Palfish ดีไหม? จากที่ไปสืบมา

เอาล่ะ มาถึงประเด็นแรกที่หลายคนอยากรู้ว่า “Palfish ดีไหม” จากที่ผมไปอ่านๆ มา รวบรวมข้อมูลจากหลายๆ ที่นะ ก็พอจะสรุปได้ประมาณนี้ครับ

ข้อดีที่หลายคนพูดถึง:

• ครูเจ้าของภาษา: อันนี้เป็นจุดเด่นที่หลายคนชอบเลย คือได้เรียนกับครูที่เป็นเจ้าของภาษาจริงๆ ทำให้เด็กได้คุ้นเคยกับสำเนียงที่ถูกต้อง
• ความยืดหยุ่น: สามารถเลือกเวลาเรียนได้ค่อนข้างอิสระ เหมาะกับครอบครัวที่ไม่ค่อยมีเวลาตายตัว
• บทเรียนหลากหลาย: มีคอร์ส มีบทเรียนให้เลือกเยอะพอสมควร ดูแล้วก็น่าจะครอบคลุมหลายระดับ

ส่วนข้อที่บางคนอาจจะยังลังเล หรือเจอมาบ้าง:

• คุณภาพครูไม่สม่ำเสมอ: อันนี้ก็มีคนพูดถึงบ้างครับว่า บางทีเจอครูดีมาก แต่บางทีก็อาจจะเจอครูที่ยังไม่ค่อยคลิกกับลูกเราเท่าไหร่ คงต้องแล้วแต่ดวง หรืออาจจะต้องลองเปลี่ยนครูดู
• ความเสถียรของแอป: มีบางเสียงบ่นๆ มาบ้างว่าแอปมีเอ๋อๆ บ้าง หรือบางฟังก์ชันอาจจะยังใช้งานไม่ค่อยลื่นไหลเท่าที่ควร อันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเขาปรับปรุงไปถึงไหนแล้วนะ
• การ tương tác ของเด็กเล็ก: สำหรับเด็กเล็กมากๆ บางทีการเรียนผ่านหน้าจออย่างเดียวอาจจะยังไม่ดึงดูดความสนใจได้นานเท่าที่ควร พ่อแม่อาจจะต้องคอยประกบช่วยกระตุ้นนิดนึง

สรุปง่ายๆ คือ มันก็มีทั้งส่วนที่ดี และส่วนที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติม แล้วแต่ว่าเราให้ความสำคัญกับจุดไหนเป็นพิเศษ

แล้วเรื่อง “ราคา” ล่ะ เป็นยังไง?

มาถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่อง นั่นก็คือ “ราคา” ของ Palfish นี่แหละครับ โอ้โห… ตอนแรกผมนึกว่ามันจะมีราคาบอกไว้ชัดเจน แต่เอาเข้าจริง มันมีหลายปัจจัยมากครับ

สิ่งที่ผมค้นพบเกี่ยวกับเรื่องราคา:

• ไม่ใช่ราคาเดียวจบ: มันไม่ได้มีแบบว่า “เดือนละเท่านี้บาท” เป๊ะๆ ครับ ส่วนใหญ่มันจะเป็นการซื้อเป็นแพ็กเกจคลาสเรียน เช่น ซื้อ 30 คลาส 60 คลาส หรือเป็นปีไปเลย ยิ่งซื้อเยอะ ราคารายครั้งมันก็อาจจะถูกลงหน่อย
• ประเภทครูมีผล: ราคาคลาสของครูที่เป็น Native Speaker แท้ๆ กับครูที่เป็นฟิลิปปินส์ (ซึ่งก็เก่งภาษาอังกฤษนะ) ราคาก็จะแตกต่างกันไปอีก
• โปรโมชันและส่วนลด: อันนี้ต้องคอยส่องเลยครับ เพราะเขามักจะมีโปรฯ ออกมาเรื่อยๆ บางทีก็ลดเยอะเหมือนกันนะ ถ้าซื้อช่วงโปรฯ ก็อาจจะคุ้มขึ้น
• ต้องคำนวณดีๆ: สุดท้ายแล้ว เราต้องมานั่งคำนวณเองครับว่า ถ้าเราซื้อแพ็กเกจนี้ ตกแล้วครั้งละเท่าไหร่ แล้วลูกเราจะได้เรียนกี่ครั้งต่อสัปดาห์ คุ้มกับเงินที่จ่ายไปไหมเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่คาดหวัง

ผมลองถามๆ คนที่เคยใช้ บางคนก็บอกว่าถ้าเทียบกับการได้เรียนกับเจ้าของภาษาตัวเป็นๆ ราคานี้ก็ถือว่ารับได้นะ ไม่ได้แพงเว่อร์ แต่บางคนก็มองว่ายังมีตัวเลือกอื่นที่ถูกกว่านี้ แล้วแต่กำลังทรัพย์และความคาดหวังของแต่ละบ้านจริงๆ ครับ

ประสบการณ์ส่วนตัวในการ “สืบ”

ไอ้ตัวผมเองเนี่ย ไม่ได้ให้ลูกหรือหลานลองใช้ Palfish โดยตรงนะครับ เพราะหลานที่พี่สาวจะให้เรียนก็ยังเล็กอยู่มาก แล้วพี่สาวผมเขาก็ยังอยู่ในช่วงตัดสินใจ แต่กระบวนการที่ผมไปค้นข้อมูลมาให้พี่สาวนี่แหละครับที่อยากจะแชร์

ผมนั่งอ่านรีวิวจนตาแฉะไปหลายวันเลยครับ คุยกับแม่ๆ ในกลุ่มต่างๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น บางคนก็เชียร์ Palfish สุดตัว บอกว่าลูกชอบมาก พูดเก่งขึ้นเยอะ แต่อีกหลายคนก็บอกว่า “ลองดูก่อน อย่าเพิ่งทุ่มเงินก้อนใหญ่” หรือบางคนก็แนะนำแอปฯ อื่นๆ ที่คล้ายๆ กันมาให้เปรียบเทียบ

มันทำให้ผมเห็นว่าจริงๆ แล้วเนี่ย ไม่มีอะไรที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนหรอกครับ แอปฯ ที่คนหนึ่งบอกว่าดีเลิศ อีกคนอาจจะบอกว่าไม่เวิร์คเลยก็ได้ มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก ทั้งตัวเด็กเอง ความคาดหวังของผู้ปกครอง งบประมาณ และสไตล์การสอนที่ถูกจริต

บทสรุปจากคนเคย “สืบ”

สุดท้าย ผมก็เลยสรุปให้พี่สาวไปว่า ถ้าสนใจ Palfish จริงๆ ลองดูพวกรายละเอียดคอร์สให้ดี ลองหาดูว่ามีช่วงให้ทดลองเรียนฟรีไหม หรือมีแพ็กเกจเล็กๆ ให้ลองก่อนหรือเปล่า อย่าเพิ่งรีบร้อนจ่ายเงินก้อนใหญ่ไป

แล้วก็ให้แกไปลองดูรีวิวจากหลายๆ แหล่ง ลองคุยกับคนที่เคยใช้จริง ถามรายละเอียดเยอะๆ เปรียบเทียบกับงบประมาณที่เราตั้งไว้ และที่สำคัญคือ ดูว่ามันตอบโจทย์ความต้องการของลูกเราจริงๆ หรือเปล่า

หวังว่าข้อมูลที่ผมไปสืบๆ มานี้ จะเป็นประโยชน์กับทุกๆ คนที่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับ Palfish ไม่มากก็น้อยนะครับผม ยังไงก็ลองเอาไปพิจารณากันดูครับ!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ