อยากให้ลูกเก่ง เรียน ภาษา อังกฤษ เด็ก เล็ก เริ่มตอนไหนดี
อยากให้ลูกเก่ง เรียน ภาษา อังกฤษ เด็ก เล็ก เริ่มตอนไหนดี
Share:

สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ของผมเลย กับเรื่องที่หลายคนอาจจะกำลังปวดหัวอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือการสอนภาษาอังกฤษให้เด็กเล็กๆ นี่แหละครับ ตอนลูกผมเริ่มพูดได้คำสองคำ คนรอบข้างก็เริ่มละ “สอนอังกฤษเลยสิลูก จะได้เก่งๆ” ผมก็เออ ออ ไปด้วย คิดในใจว่าไม่น่าจะยากอะไรมากมายหรอกมั้ง ซื้อหนังสือ ซื้อของเล่นสองภาษาก็จบ

เริ่มแรกเลยนะ ผมก็ไปสรรหาพวกบัตรคำศัพท์สีสวยๆ หนังสือภาพ A B C อะไรพวกนั้นมาเต็มบ้านเลยครับ คิดว่าลูกเห็นแล้วต้องตื่นเต้นแน่ๆ ที่ไหนได้! ลูกผมเอาไปอมบ้าง เอาไปขยำเล่นบ้าง บางทีก็ปาเล่นซะงั้น ไอ้เราก็พยายามชี้ๆ อ่านให้ฟัง “This is an apple” “That is a cat” ลูกก็มองหน้าเหลอหลา แล้วก็หันไปสนใจอย่างอื่นต่อ ท้อเลยครับช่วงแรกๆ

อยากให้ลูกเก่ง เรียน ภาษา อังกฤษ เด็ก เล็ก เริ่มตอนไหนดี

พอวิธีแรกไม่เวิร์ค ผมก็ลองเปลี่ยนแผน

ผมก็เริ่มไปหาข้อมูลตามเน็ต ตามกลุ่มพ่อแม่ ว่าเค้าสอนกันยังไง โอ้โห ข้อมูลเยอะแยะไปหมดเลยครับ บางคนบอกต้องให้ฟังเพลงภาษาอังกฤษทั้งวัน บางคนบอกให้ดูการ์ตูนเป็นภาษาอังกฤษ บางคนก็เน้นกิจกรรม เน้นเล่นเกม ผมก็ลองไปเรื่อยเลยครับ

  • เปิดเพลงเด็กภาษาอังกฤษ: อันนี้พอได้ผลบ้างนะ เพลงสนุกๆ ท่าเต้นง่ายๆ ลูกก็ดูจะชอบ แต่พอปิดเพลงปุ๊บ ก็ลืมปั๊บ เหมือนไม่ได้อะไรติดหัวเท่าไหร่
  • ดูการ์ตูนฝรั่ง: ก็เหมือนเดิมครับ ดูเพลินๆ แต่ไม่ได้ศัพท์อะไรเพิ่มขึ้นมาเท่าที่หวังไว้ บางทีก็ติดดูการ์ตูนไปเลย ไม่สนใจอย่างอื่น
  • ซื้อแอปสอนภาษา: อันนี้ก็มีเยอะมาก ลองโหลดมาหลายแอป บางแอปก็ดี มีเกมให้เล่น แต่ส่วนใหญ่ลูกผมเล่นแป๊บๆ ก็เบื่อ หรือไม่ก็กดมั่วไปหมด

คือมันเละเทะไปหมดเลยครับช่วงนั้น ผมลองผิดลองถูกไปเรื่อย จนบางทีก็รู้สึกว่า เอ๊ะ! หรือลูกเราจะไม่เอาด้านนี้วะ หรือเราสอนไม่เป็นเองกันแน่ คือมันไม่มีอะไรตายตัวเลยจริงๆ กับเด็กเล็กเนี่ย

จนวันนึงผมมานั่งคิดดูดีๆ เออ… ตอนเราเด็กๆ เราเรียนรู้ภาษาได้ยังไงวะ? ก็ไม่ใช่จากการมานั่งท่องศัพท์จริงจังนี่หว่า มันคือการซึมซับจากการพูดคุย การเล่น การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันต่างหาก ผมเลยเปลี่ยนวิธีใหม่หมดเลยครับ เลิกคาดหวังว่าลูกจะต้องพูดได้เป็นประโยคยาวๆ หรือรู้ศัพท์เยอะๆ ในเวลาอันสั้น

ผมเริ่มจากอะไรง่ายๆ เลยครับ

  • พูดคำศัพท์สั้นๆ บ่อยๆ: เวลาเล่นกัน หยิบจับอะไร ก็พูดเป็นภาษาอังกฤษไปด้วย เช่น “ball” “car” “milk” “sleepy” พูดซ้ำๆ ย้ำๆ ไม่ต้องกลัวเค้ารำคาญ
  • อ่านนิทานภาษาอังกฤษ (แบบรูปเยอะๆ): เน้นให้เค้าเห็นภาพ แล้วเราก็ชี้ๆ อ่านไปเรื่อยๆ ไม่ต้องแปลทุกคำ ให้เค้าคุ้นเคยกับเสียง กับสำเนียง
  • ร้องเพลงภาษาอังกฤษด้วยกันแบบมีท่าทาง: เพลงง่ายๆ อย่าง “Head, Shoulders, Knees and Toes” นี่แหละตัวดีเลย เค้าจะสนุกกับการทำท่าตาม
  • ใช้ภาษาอังกฤษในกิจวัตรประจำวัน: เช่น “Let’s go!” เวลาจะไปข้างนอก “Time to eat” ตอนกินข้าว “Good morning” ตอนตื่นนอน

ผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร? มันไม่ได้เห็นผลแบบปุ๊บปั๊บนะครับ แต่มันค่อยๆ ซึมเข้าไปทีละนิด ลูกผมเริ่มมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลุดออกมาบ้างแบบงงๆ เช่น ชี้ไปที่หมาแล้วพูดว่า “ด็อก!” หรือเวลาอยากได้นมก็พูด “มิ้วๆ” (milk) มันอาจจะยังไม่ชัดเป๊ะ แต่ผมถือว่านี่แหละคือความสำเร็จเล็กๆ ของผมแล้ว

ที่สำคัญที่สุดที่ผมค้นพบเลยนะ คือ อย่าไปกดดันลูก แล้วก็อย่าไปกดดันตัวเองครับ ทำให้มันเป็นเรื่องสนุก เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ใช่การเรียนแบบเอาเป็นเอาตาย เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะรับได้เร็ว บางคนอาจจะช้าหน่อย แต่ถ้าเราสร้างบรรยากาศที่ดี ทำให้เค้ารู้สึกว่าภาษาอังกฤษมันไม่ได้น่าเบื่อ ผมว่ายังไงเค้าก็ค่อยๆ ซึมซับไปได้เองครับ ตอนนี้ผมก็ยังสอนลูกแบบสบายๆ อยู่เลยครับ ไม่ได้เร่งรัดอะไร เน้นให้เค้ามีความสุขกับการเรียนรู้ก็พอแล้วล่ะครับ

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติ สำหรับเด็กและเยาวชนอายุ 3 ถึง 18 ปีโดยเฉพาะ

เราจะมอบคาบเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติให้คุณฟรี 1 คาบ พร้อมแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

This field is required.
This field is required.
กรุณากรอกข้อความของคุณที่นี่ โปรดให้สั้นและชัดเจน
ช่องทางการติดต่อที่ต้องการ
คุณต้องการให้เราติดต่อคุณอย่างไร?