สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยกับเรื่อง “ค่าเรียน PalFish” ที่หลายคนอาจจะกำลังสงสัย หรือกำลังเล็งๆ ให้ลูกหลานเรียนกันอยู่ ผมเองก็เป็นคนนึงที่เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ลองผิดลองถูกมาพอสมควร เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังแบบบ้านๆ ไม่อ้อมค้อม
เริ่มจากความอยากรู้ล้วนๆ
คือเรื่องมันเริ่มจากลูกชายผมนี่แหละครับ ภาษาอังกฤษนี่คือแทบจะศูนย์เลยก็ว่าได้ พอเริ่มโตหน่อยก็อยากให้แกได้ฝึกพูดฝึกฟังบ้าง ก็เลยเริ่มมองหาคอร์สเรียนออนไลน์ต่างๆ นานา แล้วชื่อ PalFish เนี่ย มันก็แวบเข้ามาในหัวบ่อยๆ เพราะเห็นคนพูดถึงกันเยอะ ทั้งในกลุ่มผู้ปกครอง ทั้งรีวิวตามเว็บต่างๆ ไอ้เราก็คนขี้สงสัยอยู่แล้ว เลยตัดสินใจว่า “เอ้า! ลองหาข้อมูลดูซักหน่อยซิ ว่ามันเป็นยังไง ค่าเรียนมันเท่าไหร่กันแน่”
ขั้นตอนการสืบเสาะหาค่าเรียน
อย่างแรกเลยที่ผมทำคือ เปิดกูเกิ้ลเลยครับ พิมพ์คำว่า “ค่าเรียน PalFish” ตรงๆ นี่แหละ ข้อมูลก็ขึ้นมาพรึ่บ! ทั้งจากเว็บของ PalFish เอง (ถ้าหาเจออ่ะนะ) ทั้งจากคนที่เคยใช้บริการมารีวิวในเว็บบอร์ดต่างๆ หรือตามกลุ่มเฟซบุ๊ก
ตอนแรกก็แอบงงๆ นิดหน่อย เพราะมันมีหลายแบบมาก ทั้งแบบ Official Kids Course ที่ดูเป็นหลักสูตรจริงจัง มีหนังสือ มีบทเรียนเป็นเรื่องเป็นราว กับอีกแบบคือ Free Talk ที่เหมือนเน้นคุยเล่น ฝึกสนทนากับครูต่างชาติเฉยๆ ราคามันก็จะไม่เท่ากัน
ผมก็พยายามไล่อ่านดูหลายๆ ที่เลยครับ บางคนก็บอกว่าให้ลองโหลดแอปมาดูก่อน มันจะมีรายละเอียดครูแต่ละคน แล้วก็มีราคาบอกไว้เลยว่าต่อคลาสเท่าไหร่ ซึ่งครูแต่ละคนเรทก็ไม่เท่ากันอีกนะ ครูที่เป็น Native Speaker จากฝั่งอเมริกา อังกฤษ ก็จะราคาสูงหน่อย ถ้าเป็นครูจากฟิลิปปินส์หรือประเทศอื่นๆ ราคาก็จะย่อมเยาลงมา
เท่าที่ผมรวบรวมข้อมูลมาได้คร่าวๆ นะครับ (ย้ำว่าคร่าวๆ เพราะมันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด):
- Official Kids Course: อันนี้มักจะขายเป็นแพ็กเกจใหญ่ๆ เรียนกันยาวๆ หลายสิบคลาส หรือเป็นร้อยคลาสก็มี ราคาต่อคลาสถ้าหารออกมาแล้วก็จะตกอยู่ประมาณหลักร้อยกลางๆ ถึงปลายๆ บาท แล้วแต่จำนวนคลาสที่ซื้อ ยิ่งซื้อเยอะก็ยิ่งถูกลงต่อคลาสว่างั้นเถอะ บางทีก็มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ต้องคอยส่องดีๆ
- Free Talk: อันนี้จะยืดหยุ่นกว่า จ่ายเป็นครั้งๆ หรือซื้อแพ็กเกจเล็กๆ ก็ได้ ราคาต่อคลาส (ประมาณ 25 นาที) ก็มีตั้งแต่หลักร้อยต้นๆ ไปจนถึงหลายร้อยบาท ขึ้นอยู่กับโปรไฟล์ครูเลย
ผมลองกดๆ เข้าไปดูในแอปเองด้วยครับ มันจะมีให้เลือกครู แล้วพอเราสนใจครูคนไหน มันก็จะโชว์ตารางเวลาว่างของครูคนนั้น พร้อมกับเรทราคาต่อคลาสของเขาเลย ชัดเจนดี แต่อย่างที่บอกคือต้องดูดีๆ ว่าเป็นคอร์สแบบไหน
ประสบการณ์ส่วนตัว (หลังจากลองผิดลองถูก)
หลังจากสืบราคาจนพอใจแล้ว ผมก็ลองให้ลูกเรียนแบบ Free Talk ดูก่อนครับ เลือกครูที่ดูโปรไฟล์น่าสนใจ ใจดีๆ หน่อย ปรากฏว่าลูกชอบมาก! คุยสนุก ได้หัวเราะ ได้ตอบโต้ แต่พอจะขยับไป Official Course เนี่ยแหละ ที่ต้องคิดหนัก เพราะค่าใช้จ่ายมันก็สูงขึ้นพอสมควร
สิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำเลยคือ ค่าเรียน PalFish เนี่ย มันไม่ได้มีแค่ตัวเลขที่จ่ายไปนะครับ มันยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น:
- ความสม่ำเสมอ: ถ้าจ่ายเงินไปแล้วลูกไม่ยอมเรียน หรือเรียนบ้างไม่เรียนบ้าง มันก็ไม่คุ้มครับ อันนี้ผู้ปกครองต้องคอยกระตุ้น
- การเลือกครู: สำคัญมาก! ครูบางคนอาจจะเข้ากับลูกเราได้ดีมาก สอนสนุก แต่บางคนก็อาจจะยังไม่คลิก ต้องลองเปลี่ยนดูบ้าง กว่าจะเจอคนที่ใช่
- โปรโมชั่น: อันนี้ต้องตาไวครับ บางทีมีโค้ดส่วนลด มีโปรซื้อเยอะแถมเยอะ ช่วยประหยัดไปได้อีกเยอะเลย
ตอนนั้นผมก็เลยลองสมัครแบบแพ็กเกจเล็กๆ ของ Official Course ให้ลูกดูก่อนครับ เพื่อดูว่าแกจะไหวมั้ย จะชอบจริงจังรึเปล่า ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ต้องลุ้นพอสมควร แต่โชคดีที่ลูกผมแกชอบ แล้วก็เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น กล้าพูดมากขึ้น ผิดๆ ถูกๆ ก็ยังดีกว่าไม่พูดเลย
สรุปจากประสบการณ์ตรง
ถ้าถามผมว่าค่าเรียน PalFish แพงมั้ย? ผมว่ามันก็แล้วแต่มุมมอง แล้วแต่กำลังทรัพย์ของแต่ละคนครับ แต่ถ้าเทียบกับการได้ฝึกภาษากับเจ้าของภาษาโดยตรง แล้วลูกเราแฮปปี้ที่จะเรียน ผมว่ามันก็เป็นการลงทุนที่น่าสนใจนะ
คำแนะนำของผมคือ ลองโหลดแอปมาดูก่อน ครับ เข้าไปส่องดูโปรไฟล์ครู ดูเรทราคา ดูรายละเอียดคอร์สต่างๆ แล้วลองประเมินดูว่าแบบไหนที่เหมาะกับเราและลูกของเรามากที่สุด อาจจะลองเริ่มจาก Free Talk หรือคลาสทดลองเรียน (ถ้ามี) ก่อนก็ได้ครับ จะได้ไม่เจ็บตัวมากถ้ามันยังไม่ใช่
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องค่าเรียน PalFish อยู่นะครับ ลองเอาไปปรับใช้กันดูได้เลย! วันนี้ก็ขอจบการแชร์ประสบการณ์แต่เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments