สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ที่ได้ไปคลุกคลีตีโมงมาว่าจริงๆ แล้ว เด็กอินเตอร์ เนี่ย มันเป็นยังไงกันแน่ หลายคนอาจจะมีภาพจำบางอย่าง ซึ่งผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันครับ

ตอนแรกเลยนะ ผมก็เหมือนคนทั่วไปแหละ ได้ยินคำว่า “เด็กอินเตอร์” ปุ๊บ ภาพในหัวก็มาเลย เด็กบ้านรวย พูดอังกฤษไฟแลบ แต่งตัวเก่ง เรียนสบายๆ ไม่ต้องเคร่งเครียดอะไรมาก สังคมก็จะอีกแบบนึงไปเลย ผมก็คิดแบบนั้นจริงๆ นะ ไม่ได้โกหก

เรื่องมันเริ่มจากตอนที่ลูกชายผมเองนี่แหละครับ ขึ้น ป.1 ในโรงเรียนไทยแถวบ้าน ปกติทุกอย่าง แต่พอเรียนไปได้สักพัก เริ่มมีอาการไม่อยากไปโรงเรียน การบ้านเยอะมาก เครียด กดดัน จนบางทีกลับมาบ้านนั่งซึม ผมกับภรรยาก็มองหน้ากันแล้วแบบ… เอายังไงดีวะ สงสารลูกก็สงสาร ตอนนั้นคือมืดแปดด้านเลยครับ ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงให้ลูกมีความสุขกับการไปโรงเรียน

จนกระทั่งวันนึง มีเพื่อนที่ทำงานเก่า เขาเคยส่งลูกเรียนอินเตอร์มาก่อน เขาเห็นผมบ่นๆ เรื่องลูก เขาก็เลยแนะนำว่า “ลองไปดูโรงเรียนอินเตอร์เป็นทางเลือกไหมล่ะ” ตอนแรกผมก็แบบ…โห อินเตอร์เลยเหรอ ค่าเทอมจะไหวได้ไง แล้วลูกเราจะไปเรียนรู้เรื่องเหรอ ภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ แถมในใจลึกๆ ก็ยังติดภาพเดิมๆ ว่าเป็นโรงเรียนของคนมีตังค์เท่านั้นแหละ

แต่ด้วยความที่อยากหาทางออกให้ลูกจริงๆ ผมก็เลยตัดสินใจ เอาวะ! ลองไปศึกษาดูหน่อยแล้วกัน ก็เริ่มจากหาข้อมูลโรงเรียนอินเตอร์ต่างๆ ในละแวกบ้าน ที่พอจะเดินทางสะดวก แล้วก็เริ่มโทรไปสอบถาม นัดเข้าไปดูโรงเรียนบ้าง

โอ้โห พอได้เข้าไปสัมผัสจริงๆ จังๆ ความคิดผมเปลี่ยนไปเยอะเลยครับ

สิ่งที่ผมได้เห็นและเรียนรู้

ผมเริ่มจากการไป Open House ของโรงเรียนหลายๆ ที่ ไปนั่งฟังเขาอธิบายหลักสูตร วิธีการสอน บรรยากาศในโรงเรียน มันแตกต่างจากที่ผมเคยคิดไว้เยอะมาก

• อย่างแรกเลยคือเรื่องภาษา: แน่นอนว่าใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่ครูส่วนใหญ่ โดยเฉพาะครูต่างชาติ เขาจะมีวิธีสอนที่ทำให้เด็กที่ไม่เก่งอังกฤษค่อยๆ ปรับตัวได้ ไม่ได้ดุดันหรือกดดันอย่างที่คิด เขาเน้นการสื่อสาร การทำกิจกรรมร่วมกัน
• วิธีการสอน: อันนี้ผมทึ่งมาก เขาไม่ได้เน้นท่องจำแบบบ้านเรา แต่เน้นให้เด็กคิดวิเคราะห์ กล้าแสดงออก มีโปรเจกต์ให้ทำเยอะมาก เด็กๆ ดูสนุกกับการเรียนรู้ ไม่ได้นั่งเรียนแบบหน้าดำคร่ำเครียด
• ความหลากหลาย: ในห้องเรียนไม่ได้มีแต่เด็กไทยนะครับ มีเด็กจากหลายชาติหลายภาษา ทำให้ลูกเราได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง เปิดโลกทัศน์ไปอีกแบบ
• การบ้าน: ไม่ใช่ว่าไม่มีการบ้านนะ มีครับ แต่จะเป็นแนวโครงงาน หรือให้ไปค้นคว้าต่อยอดจากสิ่งที่เรียนมา มากกว่าจะเป็นแบบฝึกหัดเยอะๆ ให้ทำซ้ำๆ
• สังคม: ก็ไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่าทุกคนอย่างที่คิด ผู้ปกครองหลายคนก็เป็นคนทำงานธรรมดาเหมือนเราๆ นี่แหละครับ ที่อยากให้ลูกได้รับการศึกษาอีกรูปแบบหนึ่ง เขาอาจจะมองเห็นโอกาสในอนาคตที่แตกต่างออกไป

พอได้เห็นแบบนี้ ผมก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า เด็กอินเตอร์ ไม่ได้หมายถึงแค่เด็กที่พูดอังกฤษได้ หรือมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยเท่านั้น แต่มันคือเด็กที่ได้รับการศึกษาในระบบที่เน้นพัฒนาทักษะรอบด้าน เน้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการกล้าแสดงออก ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากในโลกยุคปัจจุบัน

ตอนนั้น ผมกับภรรยาก็กลับมานั่งคุยกันหนักเลยครับ ชั่งใจอยู่นานเรื่องค่าใช้จ่าย ยอมรับว่ามันสูงกว่าโรงเรียนไทยพอสมควร แต่พอเทียบกับสิ่งที่ลูกจะได้รับ ทั้งความสุขในการไปโรงเรียน (อันนี้สำคัญมาก) และทักษะต่างๆ ที่เขาจะได้ติดตัวไป ผมก็ตัดสินใจว่า เอาล่ะ ลองดูสักตั้ง!

หลังจากที่ลูกได้เข้าไปเรียนจริงๆ ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากครับ ลูกกล้าพูด กล้าถามมากขึ้น มีความมั่นใจในตัวเอง ดูมีความสุขกับการไปโรงเรียนทุกวัน จากเด็กที่เคยซึมๆ กลายเป็นเด็กร่าเริง ช่างสงสัยไปเลย

ดังนั้น สำหรับผมแล้ว เด็กอินเตอร์คืออะไร? ก็คือเด็กที่เรียนในระบบการศึกษานานาชาติ ซึ่งมีแนวทางการสอนและเป้าหมายที่อาจจะแตกต่างจากระบบการศึกษาทั่วไปของไทย เน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง การคิดวิเคราะห์ และการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในโลกสากลครับ ไม่ได้มีอะไรดีกว่าหรือด้อยกว่าระบบอื่นนะครับ มันเป็นเพียงแค่ “ทางเลือก” หนึ่ง ที่ผู้ปกครองแต่ละคนจะพิจารณาตามความเหมาะสมและความต้องการของครอบครัวตัวเองมากกว่า

ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ก็มาจากประสบการณ์ตรงของผมเองล้วนๆ เลยครับ ไม่ได้มีเจตนาจะบอกว่าระบบไหนดีที่สุด แต่อยากจะแชร์ในมุมที่ผมได้ไปเจอมาจริงๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังสงสัยหรือหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ครับ

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ