จุดเริ่มต้นของการ์ตูนเด็กที่บ้าน
เรื่องมันเริ่มจากเห็นเจ้าตัวเล็กที่บ้านนี่แหละครับ วัน ๆ ก็เอาแต่จะดูการ์ตูน ดูได้ทั้งวันจริง ๆ ตอนแรกก็ปล่อย ๆ นะ คิดว่าเออ ให้มันดูไปเพลิน ๆ จะได้ไม่กวนเรามาก แต่พอนานวันเข้า ชักจะยังไง ๆ พิกล คือดูเยอะไปไหม แล้วการ์ตูนที่ดูมันโอเครึเปล่า นี่คือสิ่งที่ผมเริ่มคิด
เลยต้องลงมือสังเกตการณ์หน่อย

วันนึงเลยลองนั่งประกบดูด้วยเลยครับ ว่าไอ้การ์ตูนที่ลูกเราติดนักหนามันเป็นยังไง โอ้โห บางเรื่องนี่สีสันแสบตามาก ตัวละครกระโดดโลดเต้น พูดจาอะไรก็ไม่รู้เรื่อง บางทีก็มีแต่เสียงเอะอะโวยวาย เนื้อหาสาระนี่แทบหาไม่เจอเลยจริง ๆ นะครับ ก็เข้าใจแหละว่าการ์ตูนเด็กมันก็ต้องสนุกสนาน แต่บางทีมันก็เกินไปหน่อยไหมล่ะ คือแบบ เอ๊ะ นี่มันสอนอะไรลูกเราบ้างเนี่ย หรือมีแต่ความบันเทิงฉาบฉวยอย่างเดียว
ภารกิจเฟ้นหาการ์ตูนน้ำดี
พอเห็นแบบนั้นแล้วก็อยู่เฉยไม่ได้แล้วครับ มันคันไม้คันมือ อยากจะจัดการ เลยเริ่มภารกิจใหม่ คือการตามล่าหาการ์ตูนดี ๆ ให้ลูกดูแทนไอ้พวกที่ดูแล้วปวดหัว หรือไม่ก็พวกที่เนื้อหาเบาหวิวเกินไป
- อย่างแรกเลย ผมก็ลองไปคุ้ย ๆ ดูในเน็ตนี่แหละครับ พิมพ์ไปเลย “การ์ตูนเด็ก สอนดี” “การ์ตูนเสริมพัฒนาการ” อะไรทำนองนั้น ข้อมูลก็ขึ้นมาเยอะแยะไปหมด ทั้งรีวิว ทั้งแนะนำ เลือกไม่ถูกเลยทีเดียวครับ เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรนิด ๆ
- จากนั้นก็ลองดูตัวอย่าง อันไหนที่เขาว่าดี หรือดูแล้วน่าสนใจ ก็ลองเปิดดูเองก่อนเลยครับ ไม่ใช่เชื่อคนอื่นง่าย ๆ บางเรื่องภาพไม่สวยแต่เนื้อหาดีก็มีนะ บางเรื่องภาพสวยอลังการแต่ข้างในกลวงโบ๋ก็เยอะไป ผมนี่เจอมาหมดแล้ว
- ที่สำคัญคือต้องดูว่าลูกเราชอบไหมด้วย อันนี้สำคัญมาก ไม่ใช่ว่าเราว่าดีแล้วลูกไม่เอาเลย ดูไปทำหน้าเบื่อไป อันนี้ก็ต้องค่อย ๆ จูนกันไปครับ บางทีก็ต้องมีต่อรองกันบ้าง เปิดใจคุยกันว่าทำไมพ่อถึงอยากให้ดูเรื่องนี้ เรื่องนั้นมันดียังไง
เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันนะครับ กว่าจะเจอการ์ตูนที่ถูกใจทั้งพ่อทั้งลูก บางทีเรื่องที่เราว่าดี๊ดี ลูกกลับเมินเฉยก็มี แต่ก็คุ้มค่านะผมว่า อย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำอะไรเพื่อเขา
ลงหลักปักฐานเรื่องกฎกติกา
พอได้การ์ตูนที่โอเคแล้ว ที่คิดว่าเออ มันมีประโยชน์กับลูกเราบ้างแหละ ขั้นต่อไปก็คือการตั้งกฎกติกาการดูครับ ไม่งั้นเดี๋ยวก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก คือติดจอทั้งวันทั้งคืน
สิ่งที่ผมทำก็ง่าย ๆ เลยครับ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย
อย่างแรกคือ จำกัดเวลาดู อันนี้เบสิกสุด ไม่ใช่ปล่อยให้ดูทั้งวันทั้งคืนเหมือนเมื่อก่อน กำหนดไปเลยว่าวันนึงดูได้กี่ชั่วโมง ดูตอนไหนบ้าง อาจจะเป็นหลังทำการบ้านเสร็จ หรือก่อนนอนอะไรก็ว่าไป ต้องชัดเจน แล้วก็พยายามทำให้สม่ำเสมอ
แล้วก็พยายาม ชวนทำกิจกรรมอื่น ๆ บ้าง อันนี้ช่วยได้เยอะ พาออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน อ่านนิทานด้วยกัน เล่นของเล่นที่มันต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ให้เขารู้สึกว่ามีอะไรสนุก ๆ อย่างอื่นให้ทำอีกเยอะแยะ ไม่ใช่จมอยู่กับหน้าจออย่างเดียว พยายามดึงความสนใจเขาออกมา

แรก ๆ ก็มีงอแงบ้างเป็นธรรมดาครับ เด็กอ่ะเนอะ พอโดนจำกัดสิ่งที่ชอบก็ต้องมีอาการบ้าง แต่เราก็ต้องใจแข็ง ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ อธิบายไป เดี๋ยวเขาก็เข้าใจเองว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ ไม่ใช่ดุหรือบังคับอย่างเดียว
ผลลัพธ์ที่ได้ และสิ่งที่เรียนรู้
หลังจากที่ลงมือจัดการเรื่องการ์ตูนของเจ้าตัวเล็กไปพักใหญ่ ๆ ก็รู้สึกว่าอะไร ๆ มันดีขึ้นนะครับ ลูกไม่ได้ติดจอเหมือนเมื่อก่อน มีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น พูดจาโต้ตอบก็ดูมีสติมากขึ้น มีเรื่องมีราวมาคุยกับเราจากสิ่งที่เขาดู (ถ้ามันเป็นการ์ตูนดีๆ นะ) อาจจะไม่เห็นผลทันตาแบบปุ๊บปั๊บ แต่ระยะยาวผมว่ามันดีกว่าปล่อยปละละเลยแน่นอนครับ อย่างน้อยเราก็ได้สอนเรื่องวินัยให้เขาด้วย
เรื่องแบบนี้มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอกครับ ผมว่านะ แต่ละบ้านก็มีวิธีจัดการต่างกันไป แต่ที่แน่ ๆ คือเราต้องใส่ใจ ต้องคอยสังเกต คอยปรับเปลี่ยนกันไปเรื่อย ๆ การ์ตูนดี ๆ ก็มีเยอะแยะ ถ้าเรารู้จักเลือก รู้จักควบคุม มันก็เป็นประโยชน์กับเด็ก ๆ ได้เหมือนกันครับ ผมก็ลองผิดลองถูกมาเยอะเหมือนกัน กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็เหนื่อยเอาการอยู่ บางทีก็ท้อนะ แต่เห็นลูกมีความสุข ได้ดูอะไรที่มีประโยชน์ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มันก็คุ้มค่าเหนื่อยนะ ว่าไหมครับ
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments