สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเองเลย กับเรื่องของ “เบบี้ เด็ก” เนี่ยแหละครับ ตอนแรกก็คิดว่าเด็กก็คือเด็ก ร้องก็หิว ไม่ก็อึ ไม่ก็ฉี่ ง่ายๆ ใช่ไหมครับ? โอ้โห พอเจอกับตัวจริงเท่านั้นแหละ ความคิดนั้นปลิวหายไปกับสายลมเลยครับผม
ยกแรก: รับมือแบบมือใหม่ตามตำราเป๊ะ
เจ้าตัวเล็กที่บ้านผมเนี่ย แรกๆ ผมก็จัดการตามสเต็ปที่ใครๆ เค้าว่ากันเลยครับ พอลูกร้องปุ๊บ ผมก็เช็คแพมเพิสก่อนเลย อ้อ เปียก ก็เปลี่ยนให้ซะหน่อย เค้าก็เงียบไปพักนึง… แต่แป๊บเดียวจริงๆ ครับ ร้องอีกแล้ว! ผมก็ดูนาฬิกา อ๋อ ถึงรอบนมพอดี ก็รีบชงนมแล้วก็ป้อน พออิ่มท้องเค้าก็เงียบ… ชีวิตช่วงนั้นมันก็วนลูปอยู่แบบนี้แหละครับ ทำซ้ำๆ ไปเหมือนเป็นโปรแกรมที่ตั้งค่าไว้เลย แต่พอนานวันเข้า เอ๊ะ…ทำไมบางทีทำครบทุกอย่างแล้วลูกยังร้องไม่หยุดล่ะ? ตอนนั้นเริ่มจะมึนตึ้บแล้วครับผม

ปฏิบัติการแกะรอย: เมื่อตำรามันเอาไม่อยู่
พอเจอแบบนั้นบ่อยๆ เข้า ผมนี่ต้องเริ่มปฏิบัติการเป็นนักสืบจำเป็นเลยครับ คือสังเกตลูกอย่างเดียวเลยครับช่วงนั้น ตอนแรกลองจับเวลาดูว่าร้องนานแค่ไหน เสียงร้องเป็นยังไง เสียงแหลมๆ หรือทุ้มๆ หรือมีสะอื้นปนมาด้วยรึเปล่า คือพยายามหารูปแบบของเสียงร้องเค้าให้ได้น่ะครับ บางทีก็ต้องอุ้มเดินวนไปวนมาในบ้าน บางทีก็ลองตบก้นเบาๆ ดู หรือไม่ก็เปลี่ยนท่าอุ้มไปเรื่อยๆ ทำทุกอย่างที่คิดว่าน่าจะช่วยให้เค้าหยุดร้องได้
- ผมลองเปิดเพลงกล่อมเด็กคลอเบาๆ
- บางทีก็พาเค้าออกไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศรอบๆ บ้าน
- เคยลองนวดท้องเบาๆ ด้วยนะ (อันนี้มีคนแนะนำมาว่าช่วยเรื่องลมในท้องได้)
บอกตามตรงเลยนะครับว่าช่วงนั้นน่ะเหนื่อยสุดๆ ไปเลยครับ มันเหมือนเรากำลังพยายามแก้ปริศนาอะไรสักอย่างที่ไม่มีเฉลยที่แน่นอนตายตัว บางวันก็เหมือนจะเจอทางสว่างแล้วนะ คิดว่าเข้าใจแล้ว พอมาอีกวัน อ้าว กลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ งงเหมือนเดิมอีกแล้ว ฮ่าๆๆ
ค้นพบความลับ (หรือเปล่านะ?): เสียงร้องมันมีอะไรมากกว่าที่คิด
จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ผมนั่งมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังแผดเสียงร้องไห้แบบสุดพลังเลยครับ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะกินอิ่มไปหมาดๆ แพมเพิสก็แห้งสนิทดี ตอนนั้นยอมรับเลยว่า…แอบท้อใจนิดๆ เหมือนกันนะครับ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังพยายามสังเกตต่อไป แล้วผมก็เริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างที่ต่างออกไป คือบางทีโทนเสียงร้องของเค้ามันจะมีอะไรแปลกๆ ปนมา หรือบางทีก็ทำหน้าบิดเบี้ยวแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ผมเลยตัดสินใจลองเปลี่ยนวิธีดูครับ แทนที่จะเดาสุ่มไปเรื่อยเปื่อยเหมือนที่เคยทำ ผมลองค่อยๆ ตอบสนองเค้าทีละอย่างช้าๆ ดูครับ เช่น พอเค้าร้อง ผมก็ลองแค่ลูบหัวเค้าเบาๆ ก่อน แล้วก็ดูว่าปฏิกิริยาเค้าเป็นยังไง หรือลองพูดคุยกับเค้าด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล บางทีแค่เปลี่ยนจากอุ้มโยกตัวแรงๆ มาเป็นแค่กอดเค้านิ่งๆ แนบอก เค้าก็ค่อยๆ สงบลงเองแบบงงๆ เลยครับ
บทสรุปจากปฏิบัติการ (ที่แลกมาด้วยความเพลีย):
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการ “ลงมือปฏิบัติ” แบบจริงจังครั้งนี้ก็คือ เด็กทารกเนี่ย เค้าพยายามจะสื่อสารกับเราอยู่ตลอดเวลานั่นแหละครับ เพียงแต่ภาษาที่เค้าใช้มันไม่ใช่คำพูดสวยหรู มันคือเสียงร้อง ท่าทาง สีหน้า แววตา ทุกอย่างเลยจริงๆ และบางทีที่เค้าร้อง ไม่ได้แปลว่าเค้าต้องการอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเสมอไป บางทีเค้าอาจจะแค่รู้สึกไม่สบายตัว อยากให้เรากอด อยากได้ยินเสียงของเรา หรือบางทีก็แค่งอแงตามประสาเด็กเล็กๆ นั่นเองครับ
สุดท้ายแล้ว การ “ถอดรหัสเสียงร้องปริศนา” ของเจ้าเบบี๋เนี่ย มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวอะไรเลยครับ มันคือการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน คือการใช้เวลา การสังเกต แล้วก็ปรับตัวเข้าหากันไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้เป็นเซียนอะไรหรอกนะครับ แต่ก็พอจะจับทางได้มากขึ้นเยอะเลยทีเดียว ใครมีประสบการณ์คล้ายๆ กัน หรือมีเทคนิคอะไรเด็ดๆ ก็มาแชร์กันได้นะครับ ถือว่ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ (หรืออาจจะมือเก่าแต่ก็ยังแอบงงๆ อยู่บ้าง) กันครับผม!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments