สวัสดีครับทุกคน! วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยกับเรื่องเพลงคำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเนี่ยแหละครับ ผมเองก็มีลูกเล็กๆ อยู่ในวัยกำลังเรียนรู้เลย ก็อยากจะให้เขาได้ซึมซับภาษาอังกฤษไปแบบสนุกๆ ไม่ใช่แบบนั่งท่องจำอย่างเดียว มันน่าเบื่อใช่ไหมล่ะครับ
จุดเริ่มต้นของการผจญภัยหาเพลง
ตอนแรกเลยนะครับ ก็เหมือนพ่อแม่ทั่วไปแหละครับ เปิดยูทูปสิครับ รออะไร! โอ้โห… เพลงเด็กภาษาอังกฤษนี่มันเยอะจนตาลายไปหมด มีทั้งช่องของคนไทยทำ ช่องของฝรั่งทำ ช่องการ์ตูนต่างๆ นานา ผมก็ลองเปิดให้ลูกดูไปเรื่อยเปื่อยเลยครับช่วงแรกๆ

สิ่งที่ค้นพบ (และบางทีก็ปวดหัว)
พอลองไปได้สักพัก ก็เริ่มจับทางได้ครับว่าเพลงแบบไหนลูกเราชอบ แบบไหนลูกเราไม่เอาเลย
- เพลงที่เร็วไป: อันนี้ไม่เวิร์คเลยครับ เด็กฟังไม่ทัน คำศัพท์มันผ่านไปเร็วมาก ยังไม่ทันจะจับใจความได้ เพลงจบซะแล้ว
- ภาพการ์ตูนไม่ดึงดูด: บางเพลงเนื้อหาดีนะ แต่ภาพมันแบบ… เอ่อ… ไม่ค่อยน่ารัก หรือบางทีตัวการ์ตูนมันดูน่ากลัวไปหน่อย ลูกก็เบือนหน้าหนีเลย
- สำเนียงแปลกๆ: อันนี้สำคัญมากเลยครับ บางเพลงคนร้องอาจจะไม่ใช่เจ้าของภาษา หรืออาจจะมีสำเนียงเฉพาะถิ่นมากๆ ทำให้เราเองก็ยังฟังยาก แล้วเด็กจะไปเหลืออะไร
- โฆษณาคั่นบ่อยเกิ๊น: เข้าใจครับว่าช่องก็ต้องมีรายได้ แต่บางทีโฆษณามันมาแบบไม่รู้เวล่ำเวลา กำลังสนุกๆ อยู่ดีๆ ตัดเข้าโฆษณาซะงั้น อารมณ์เด็กมันต่อเนื่องยากครับ
- เพลงที่คำศัพท์ยากไป: บางเพลงก็ใส่คำศัพท์มาแบบ… โอ้โห ผู้ใหญ่ยังต้องตั้งใจฟังเลยครับ สำหรับเด็กเล็กๆ มันเกินตัวไปหน่อย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องแย่ๆ นะครับ เพลงดีๆ ที่เหมาะกับเด็กเล็กก็มีเยอะเหมือนกัน!
แล้วเพลงแบบไหนล่ะที่มัน “ใช่” สำหรับลูกผม?
จากที่ลองผิดลองถูกมานะครับ ผมสังเกตว่าลูกผมจะชอบเพลงที่มีลักษณะประมาณนี้:
- ทำนองสนุกสนาน ติดหูง่าย: ไม่ต้องซับซ้อนมาก ขอแค่ฟังแล้วโยกหัวตามได้ ร้องฮัมๆ ตามได้ก็โอเคแล้ว
- คำศัพท์ง่ายๆ ชัดๆ: เน้นคำศัพท์พื้นฐานที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สีสัน สัตว์ สิ่งของ ตัวเลข คำทักทาย
- การย้ำคำศัพท์: อันนี้สำคัญมาก! เพลงที่มีการร้องคำศัพท์นั้นซ้ำๆ หลายๆ รอบ จะช่วยให้เด็กจำได้ดีขึ้นเยอะเลยครับ
- ภาพประกอบน่ารัก สีสันสดใส: เด็กๆ ชอบอะไรที่มีสีสันสดใส ตัวการ์ตูนน่ารักๆ ดูแล้วสบายตา มันช่วยดึงดูดความสนใจได้ดีจริงๆ
- มีท่าทางประกอบง่ายๆ: ถ้าเพลงมีท่าเต้นง่ายๆ ให้ทำตามได้ด้วยนี่คือสุดยอดเลยครับ ลูกผมจะชอบมาก ได้ขยับร่างกายไปด้วย เรียนรู้ไปด้วย
- ความยาวพอเหมาะ: ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป สัก 2-3 นาทีกำลังดีครับ เด็กสมาธิยังไม่ยาวมาก
ลงมือคัดเลือกและ “ทดลอง” จริง
พอเริ่มจับทางได้แล้ว ผมก็เริ่มจริงจังกับการคัดเลือกเพลงมากขึ้นครับ ไม่ได้เปิดสะเปะสะปะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมจะลองฟังเองก่อนเลย ดูเนื้อหา ดูภาพรวม ถ้าคิดว่า “เออ! เพลงนี้น่าจะโอเค” ก็ค่อยเซฟเก็บไว้ในเพลย์ลิสต์ส่วนตัว
จากนั้นก็ถึงเวลา “ทดลองภาคสนาม” ครับ คือเปิดให้ลูกฟังแล้วสังเกตปฏิกิริยาเขาเลย ดูว่าเขาสนใจไหม ยิ้มไหม พยายามร้องตามไหม หรือว่านิ่งเฉย ถ้าเพลงไหนเขาดูชอบเป็นพิเศษ ผมก็จะเก็บเพลงนั้นไว้เป็นเพลง “ตัวท็อป” เลยครับ
บางทีนะครับ ผมก็ไม่ได้เปิดจากยูทูปอย่างเดียว บางแอปพลิเคชันสำหรับเด็กก็มีเพลงภาษาอังกฤษดีๆ เหมือนกัน ก็ลองโหลดมาให้ลูกเล่นดูบ้าง สลับๆ กันไปจะได้ไม่เบื่อ
เคล็ดลับส่วนตัวของผมอีกอย่าง คือ เวลาเปิดเพลงให้ลูกฟัง ผมจะพยายามมีส่วนร่วมกับเขาด้วยครับ เช่น ร้องตามไปกับเขา ทำท่าทางประกอบไปกับเขา หรือชี้ชวนให้ดูภาพในจอแล้วพูดคำศัพท์นั้นๆ ออกมา มันทำให้เขารู้สึกว่าการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก และมีพ่อแม่ร่วมสนุกไปด้วย
ผลลัพธ์ที่ได้เห็น
หลังจากที่ใช้วิธีนี้มาสักพักนะครับ ก็เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่น่าชื่นใจ ลูกผมเริ่มฮัมเพลงภาษาอังกฤษได้บางเพลง เริ่มพูดคำศัพท์ง่ายๆ ตามได้บ้าง เช่น “apple” “dog” “cat” “blue” “red” อะไรพวกนี้ เวลาเห็นสิ่งของที่ตรงกับคำศัพท์ในเพลง เขาก็จะพยายามชี้แล้วพูดออกมา ถึงจะยังไม่ชัดเป๊ะๆ แต่ก็ถือเป็นพัฒนาการที่ดีมากๆ เลยครับ
ที่สำคัญที่สุดคือ เขารู้สึกสนุกกับการฟังเพลงภาษาอังกฤษ ไม่ได้มองว่ามันเป็นการเรียนที่น่าเบื่อ อันนี้แหละครับที่ผมว่ามันคือหัวใจเลย
ก็หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับพ่อแม่ท่านอื่นๆ ที่กำลังมองหาวิธีสอนภาษาอังกฤษให้ลูกแบบสนุกๆ นะครับ ลองเอาไปปรับใช้กันดูได้เลย ไม่จำเป็นต้องเป๊ะตามนี้ก็ได้ครับ เพราะเด็กแต่ละคนก็มีความชอบไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญคือการสังเกตและหาจุดที่ “ใช่” สำหรับลูกของเราครับ วันนี้ก็ขอจบการแชร์ประสบการณ์ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments