สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเลย กับเรื่องที่หลายคนน่าจะกำลังสนใจอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือการให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์นี่แหละครับ คือเรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากช่วงที่ลูกผมยังเล็กๆ อะนะ จะให้ไปเรียนพิเศษข้างนอกบ้านก็ยังดูวุ่นวาย บวกกับเห็นโฆษณาเรียนออนไลน์มันเยอะเหลือเกิน ทั้งในเฟซ ในยูทูบ โอ้โห สารพัดค่าย สารพัดครู ก็เลยคิดว่า เอ้อ ลองดูซักตั้ง มันจะซักแค่ไหนกันเชียว

การเริ่มต้นค้นหา และความปวดหัว

พอเริ่มลงมือหาข้อมูลเท่านั้นแหละครับคุณผู้ชม! ตาลายเลยครับ มีให้เลือกเยอะมากจริงๆ ทั้งแบบครูฝรั่งแท้ๆ ครูฟิลิปปินส์ที่เขาว่าสำเนียงดีราคาไม่แรง หรือจะเป็นครูไทยที่สอนสองภาษาไปเลย ตอนแรกก็พยายามอ่านรีวิว ดูตามกลุ่มผู้ปกครองต่างๆ แต่เอาเข้าจริงนะ มันก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรอะครับ แต่ละคนก็เชียร์ที่ตัวเองชอบ ซึ่งก็ไม่แปลก แต่เราจะรู้ได้ไงว่าอันไหนมันจะเหมาะกับลูกเราจริงๆ

ผมก็เลยใช้วิธีบ้านๆ เลยครับ คือ ลองผิดลองถูก มันดื้อๆ นี่แหละ หลายๆ ที่เขาก็จะมีให้ทดลองเรียนฟรีใช่ไหมครับ ผมก็จัดเลยครับ ไม่พลาด! จำได้เลยว่ามีที่นึง โปรไฟล์ครูดูดีมาก จบจากเมืองนอก ประสบการณ์สอนเด็กเพียบ พอถึงเวลาเรียนจริงเท่านั้นแหละ ลูกผมนั่งนิ่งเป็นหินเลยครับ ครูพูดเร็วปรื๋อ สำเนียงก็ฟังยากขนาดผมเองยังต้องตั้งใจฟังเลย แล้วลูกเราจะไปเหลืออะไรล่ะครับ สุดท้ายก็เงียบกริบ ไม่กล้าพูดอะไรเลย ผมนี่นั่งลุ้นอยู่ข้างๆ จนเหงื่อซึมเลยครับ

เมื่อความสนุก ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด

หลังจากเฟลไปรอบแรก ผมก็ยังไม่ยอมแพ้ครับ ลองหาที่ใหม่ คราวนี้ไปเจอที่นึงเป็นครูคนไทยครับ เขาจะเน้นสอนแบบสนุกๆ มีเพลง มีเกม มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะ ลูกผมชอบมากเลยนะ หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ดูมีความสุขกับการเรียนมาก แต่พอผมมานั่งดูเนื้อหาจริงๆ จังๆ ผมกลับรู้สึกว่า เอ๊ะ มันเหมือนเน้นเล่นมากกว่าเรียนหรือเปล่า คำศัพท์ที่ได้ก็วนๆ อยู่ไม่กี่คำ ประโยคที่ใช้ก็ซ้ำๆ เดิมๆ คือมันสนุกจริง แต่ผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าลูกจะได้เนื้อหาสาระอะไรไปบ้าง

ผมก็เลยเริ่มคิดได้ว่า การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์สำหรับเด็กเนี่ย มันต้องมีความสมดุลครับ สนุกอย่างเดียวไม่พอ เนื้อหาเข้มข้นไปอย่างเดียวเด็กก็เบื่ออีก แล้วอีกเรื่องที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ ความสม่ำเสมอ ครับ อันนี้ตัวผมเองก็มีส่วนผิด (ฮา) คือช่วงแรกๆ ก็ไฟแรงมาก พาลูกเรียนทุกวันตามตารางเป๊ะๆ พอผ่านไปซักพัก ลูกเริ่มมีงอแงบ้าง เราเองก็เริ่มหย่อนบ้าง สุดท้ายกลายเป็นว่าจ่ายเงินไปแล้วแต่เรียนไม่ต่อเนื่อง มันก็ไม่เห็นผลเท่าที่ควรจะเป็น

สิ่งที่ผมค้นพบ และปรับใช้จนลงตัว

หลังจากลองมาหลายรูปแบบ ทั้งแบบครูฝรั่งจ๋า แบบครูไทยเน้นสนุก ผมก็เริ่มจับทางได้ครับว่าจริงๆ แล้วอะไรมันเวิร์คสำหรับครอบครัวเรา

• ครูต้องเข้ากับเด็กได้: อันนี้สำคัญสุดๆ เลยครับ ไม่ใช่แค่เก่งภาษาอังกฤษนะ แต่ต้องมีเทคนิคในการสื่อสารกับเด็กเล็กได้ดี ต้องอดทน ใจเย็น แล้วก็สามารถดึงความสนใจของเด็กให้อยู่กับบทเรียนได้
• เนื้อหาต้องพอดีๆ: ไม่ยากจนลูกท้อ ไม่ง่ายจนลูกเบื่อ ต้องมีความท้าทายบ้างเล็กน้อย แล้วก็ควรจะมีกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่ให้นั่งฟังครูพูดอย่างเดียว
• บทบาทของพ่อแม่สำคัญมาก: อันนี้ผมเน้นเลยครับว่า อย่าคิดว่าจ่ายเงินแล้วจบ เราต้องนั่งเรียนเป็นเพื่อนลูกด้วยครับ อย่างน้อยก็คอยให้กำลังใจ คอยช่วยกระตุ้น หรือถ้าลูกไม่เข้าใจตรงไหน เราก็ช่วยเสริมได้ทันที การที่เราอยู่ด้วยมันทำให้ลูกรู้สึกอุ่นใจแล้วก็กล้าแสดงออกมากขึ้นจริงๆ นะครับ
• แพลตฟอร์มหรือโปรแกรมที่ใช้: ก็ต้องเสถียรหน่อยครับ ภาพชัด เสียงชัด ไม่มีกระตุกบ่อยๆ ไม่งั้นเสียสมาธิทั้งคนสอนคนเรียนเลย

สุดท้ายแล้ว ผมก็มาลงตัวกับคอร์สที่ครูค่อนข้างมีประสบการณ์สอนเด็กเล็กโดยตรงครับ เนื้อหาไม่หนักมาก แต่เน้นการโต้ตอบ มีการใช้เกม เพลง หรือนิทานเข้ามาสอดแทรกบ้าง แล้วผมก็จะพยายามหาเวลามานั่งเรียนข้างๆ ลูกทุกครั้งเท่าที่จะทำได้ครับ แรกๆ ก็อาจจะต้องคอยกระตุ้นเยอะหน่อย แต่พอเขาเริ่มชิน เริ่มสนุก เขาก็จะกระตือรือร้นขึ้นเอง

บทสรุปจากประสบการณ์จริง

ถ้าถามผมว่าการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์สำหรับเด็กมันดีไหม ผมก็ต้องตอบว่า มันมีทั้งข้อดีและข้อที่ต้องระวังครับ มันไม่ใช่ยาวิเศษที่เรียนปุ๊บแล้วลูกจะพูดไฟแลบได้เลยทันที แต่มันเป็นเครื่องมือที่ดีมากๆ ถ้าเรารู้จักเลือกให้เหมาะสมกับลูกเรา เข้าใจธรรมชาติของเขา แล้วก็ให้เวลาและความใส่ใจกับมันอย่างเต็มที่

ทุกวันนี้ ลูกผมก็ยังเรียนออนไลน์อยู่ครับ ถามว่าเก่งระดับเทพเลยไหม ก็ยังครับ (ฮา) แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ เขากล้าพูดมากขึ้นเยอะ ไม่กลัวที่จะลองผิดลองถูก กล้าที่จะทักทายครูเป็นภาษาอังกฤษ ถึงแม้จะยังเป็นคำง่ายๆ หรือประโยคสั้นๆ ก็ตาม ผมถือว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีมากๆ แล้วครับ อย่างน้อยเขาก็ได้เปิดโลก ได้คุ้นเคยกับภาษาที่สองตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งผมเชื่อว่ามันจะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับเขาในอนาคตแน่นอนครับ ยังไงถ้าเพื่อนๆ คนไหนกำลังมองหาคอร์สให้ลูกอยู่ ก็ลองเอาประสบการณ์ของผมไปปรับใช้ดูได้นะครับ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอกครับ สำคัญที่สุดคือการหาจุดที่ลงตัวสำหรับครอบครัวเราครับ

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ