เรียน เด็กหญิง ภาษาอังกฤษ ผ่านการ์ตูนและเพลง สนุกได้ความรู้จริงด้วย
เรียน เด็กหญิง ภาษาอังกฤษ ผ่านการ์ตูนและเพลง สนุกได้ความรู้จริงด้วย
Share:

วันนี้อยากมาเล่าเรื่องที่เจอมากับตัวเองเกี่ยวกับคำว่า “เด็กหญิง” ในภาษาอังกฤษนี่แหละครับ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยนะ แต่มันก็มีเรื่องให้ขบคิดอยู่เหมือนกันเวลาเอาไปใช้จริง

ประสบการณ์ตรงจากการสอนเด็ก (และจากตัวเองตอนเด็กๆ)

คือเรื่องมันเริ่มจากตอนที่ผมเคยมีโอกาสได้ไปช่วยสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ประถมแถวบ้านอยู่พักนึง แล้วมันก็มาถึงบทที่ต้องสอนคำศัพท์เกี่ยวกับคนนี่แหละ คำว่า “girl” เนี่ย ดูเหมือนง่ายๆ นะ แต่พอเอาเข้าจริง เด็กๆ ก็มีคำถามที่ทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน

เรียน เด็กหญิง ภาษาอังกฤษ ผ่านการ์ตูนและเพลง สนุกได้ความรู้จริงด้วย
  • เด็กคนแรก: “ครูครับ ‘girl’ นี่คือเด็กผู้หญิงใช่ไหม แล้วถ้าเด็กผู้หญิงตัวโตๆ หน่อย ยังเรียก ‘girl’ ได้อยู่เปล่า?”
  • เด็กอีกคน: “แล้ว ‘Miss’ ที่ใช้หน้าชื่อเด็กผู้หญิง มันเหมือน ‘girl’ ไหมครับ?”

ตอนนั้นก็พยายามอธิบายไปนะว่า “girl” มันมักจะใช้กับเด็กผู้หญิงที่ยังไม่โตเป็นสาวเต็มตัว หรือบางทีก็ใช้เรียกผู้หญิงอายุน้อยๆ แบบไม่เป็นทางการก็ได้ แต่ก็นั่นแหละครับ เด็กก็คือเด็ก บางทีก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง สับสนกันไปหมด บางคนก็เอาไปปนกับคำว่า “young lady” บ้างล่ะ

ที่พีคกว่านั้นคือ มีอยู่วันนึงสอนเรื่องคำนำหน้านาม “Mr.”, “Mrs.”, “Miss” แล้วก็มีเด็กคนนึงยกมือถามหน้าตาใสซื่อเลยว่า “ครูครับ แล้วถ้าเป็น ‘เด็กหญิง’ ที่เขาเป็นทอมล่ะครับ ต้องใช้ ‘Miss’ หรือใช้แบบ ‘เด็กชาย’ ครับ?” โอ้โห ตอนนั้นผมไปไม่เป็นเลยครับ จากแค่สอนศัพท์ภาษาอังกฤษ กลายเป็นต้องมานั่งคุยเรื่องความหลากหลายทางเพศกันย่อมๆ เลยทีเดียว ซึ่งในหนังสือเรียนมันก็มีอยู่แค่นั้นจริงๆ นะ ไม่ได้ลงลึกอะไรแบบนี้เลย

ทำไมอยู่ๆ ถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมา?

ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ พอดีวันก่อนผมไปเดินห้าง แล้วเห็นครอบครัวฝรั่งครอบครัวนึง คุณแม่เขากำลังดุลูกสาวตัวเล็กๆ แล้วเขาพูดว่า “Listen to me, young lady!” ผมก็เลยนึกถึงเรื่องเก่าๆ สมัยสอนเด็กขึ้นมาทันทีเลยว่า เออเนอะ คำง่ายๆ แบบนี้ บริบทมันสำคัญจริงๆ

แล้วมันกระทบอะไรกับชีวิตผมล่ะ? จะว่าไป มันก็ทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนเป็น “เด็กชาย” แล้วเรียนภาษาอังกฤษใหม่ๆ เหมือนกันครับ สมัยนั้นการเรียนมันก็เน้นท่องจำศัพท์เป็นหลักเลย ไม่ได้เข้าใจว่าจริงๆ แล้วเขาใช้กันยังไงในชีวิตประจำวัน พอต้องไปพูดจริงๆ ก็มีเปิ่นๆ ไปบ้าง

มีเรื่องนึงที่ผมจำได้แม่นเลย ตอนนั้นน่าจะอยู่ประมาณ ป.5 หรือ ป.6 นี่แหละ โรงเรียนมีกิจกรรมแล้วมีแขกฝรั่งมา ผมก็ถูกครูเลือกให้เป็นตัวแทนไปกล่าวต้อนรับสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่เคยเจอฝรั่งตัวเป็นๆ ก็ตื่นเต้นมาก ท่องสคริปต์ไปอย่างดีเลย มีประโยคนึงประมาณว่า “Welcome to our school. We are very happy to see all of you, girls and boys from another country!” คือในหัวผมตอนนั้นก็คิดว่า “girls and boys” มันก็คือ “เด็กหญิงและเด็กชาย” ไง ปรากฏว่าพอพูดจบ มีคุณครูฝรั่งคนนึง (ซึ่งก็ดูยังไม่แก่มากนะ) เขาก็ยิ้มๆ แล้วเดินมาบอกผมเบาๆ ว่า “That was lovely, dear. But maybe next time, you can say ‘ladies and gentlemen’ or just ‘everyone’ if there are adults too. ‘Girls and boys’ usually refers to children like you.”

วินาทีนั้นคือหน้าชาไปเลยครับ อายก็อาย แต่ก็ขอบคุณเขาไปนะที่อุตส่าห์มาบอก มันเป็นบทเรียนที่ทำให้ผมเข้าใจว่า อ๋อ ภาษาอังกฤษมันมีระดับ มีความเหมาะสมในการใช้ ไม่ใช่แค่แปลตรงตัวแล้วจะรอดเสมอไป

ตั้งแต่นั้นมา เวลาจะใช้ภาษาอังกฤษ ผมก็จะคิดมากขึ้นหน่อย พยายามนึกถึงว่าถ้าเป็นเจ้าของภาษาเขาจะพูดแบบไหนนะ มันก็ช่วยให้การสื่อสารของผมมันดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นเยอะเลยครับ

เรียน เด็กหญิง ภาษาอังกฤษ ผ่านการ์ตูนและเพลง สนุกได้ความรู้จริงด้วย

ก็ประมาณนี้แหละครับ เรื่องราวจากประสบการณ์ของผมกับคำว่า “เด็กหญิง ภาษาอังกฤษ” ที่อยากเอามาแชร์ เผื่อจะเป็นประโยชน์หรือทำให้ใครนึกถึงเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาบ้าง ไม่มากก็น้อยครับผม

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติ สำหรับเด็กและเยาวชนอายุ 3 ถึง 18 ปีโดยเฉพาะ

เราจะมอบคาบเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติให้คุณฟรี 1 คาบ พร้อมแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

This field is required.
This field is required.
กรุณากรอกข้อความของคุณที่นี่ โปรดให้สั้นและชัดเจน
ช่องทางการติดต่อที่ต้องการ
คุณต้องการให้เราติดต่อคุณอย่างไร?