เหนื่อยใจใช่ไหม ลองอ่าน ประโยคฮีลใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ สร้างพลังบวกให้ตัวเองง่ายๆ
เหนื่อยใจใช่ไหม ลองอ่าน ประโยคฮีลใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ สร้างพลังบวกให้ตัวเองง่ายๆ
Share:

สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวนิดหน่อยครับ คือช่วงที่ผ่านมาเนี่ย สารภาพเลยว่ามีเรื่องให้คิดเยอะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว โอ๊ย ปวดหัวไปหมด บางทีมันก็รู้สึกท้อๆ เนอะ เหมือนแบตจะหมดเอาดื้อๆ

ทีนี้ ด้วยความที่เราก็ชอบหาอะไรอ่านไปเรื่อยเปื่อย วันนั้นก็ไถๆ มือถือไปเรื่อยครับ ก็ไปเจอพวกประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ ที่เขาบอกว่าเป็นประโยคฮีลใจ ไอ้เราก็เอ๊ะ มันจะช่วยได้จริงเหรอวะ แรกๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก อ่านผ่านๆ แต่พอเจออันนึง มันแบบ…จึ้ก! เข้าไปในใจเลย รู้สึกเหมือนมีคนมาตบบ่าเบาๆ แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ”

เหนื่อยใจใช่ไหม ลองอ่าน ประโยคฮีลใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ สร้างพลังบวกให้ตัวเองง่ายๆ

จุดเริ่มต้นของการสะสมประโยคฮีลใจ

หลังจากวันนั้น ผมก็เริ่มเลยครับ เริ่มมองหาประโยคทำนองนี้มากขึ้น เวลาเจออันไหนที่อ่านแล้วรู้สึกดี รู้สึกมีความหวัง หรือรู้สึกว่าเออว่ะ มันใช่เลย! ผมก็จะแคปหน้าจอเก็บไว้ หรือไม่ก็จดใส่สมุดโน้ตเล็กๆ ที่พกติดตัว คือไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นยาวิเศษอะไรหรอกนะครับ แค่รู้สึกว่าการได้อ่านอะไรดีๆ มันก็ช่วยให้ใจฟูขึ้นมาบ้าง

พอนานวันเข้า ไอ้ประโยคพวกนี้มันก็เริ่มเยอะขึ้น ผมก็เลยลองเอามาจัดหมวดหมู่เล่นๆ ในแบบของตัวเอง เช่น หมวดให้กำลังใจตัวเอง หมวดปล่อยวาง หมวดมองโลกในแง่ดี อะไรทำนองนั้น แล้วก็เริ่มเอามาใช้จริงจังมากขึ้น

วิธีที่ผมใช้กับประโยคเหล่านี้

อย่างแรกเลยคือ การอ่านทวนซ้ำๆ ครับ เวลาที่รู้สึกแย่ๆ หรือจิตตก ผมจะหยิบสมุดโน้ต หรือเปิดดูรูปที่แคปไว้ แล้วอ่านประโยคเหล่านั้น บางทีก็อ่านออกเสียงเบาๆ ให้ตัวเองได้ยิน มันเหมือนเป็นการเตือนสติตัวเอง

บางประโยคที่ชอบมากๆ ผมถึงกับเขียนแปะไว้ที่โต๊ะทำงาน หรือตั้งเป็นภาพพักหน้าจอมือถือเลยนะ มันเหมือนเป็นเครื่องรางเล็กๆ ที่คอยให้กำลังใจเราอยู่เงียบๆ

แล้วก็มีอีกวิธีที่ผมทำคือ การพยายามทำความเข้าใจความหมายลึกๆ ของแต่ละประโยค ไม่ใช่แค่อ่านผ่านๆ แต่ลองคิดตามว่าเออ…สถานการณ์แบบไหนนะที่ประโยคนี้มันจะทรงพลังจริงๆ แล้วเราจะเอามาปรับใช้กับเรื่องของเราได้ยังไงบ้าง

  • อย่างประโยคที่ว่า “This too shall pass.” (แล้วมันจะผ่านไป) ตอนแรกก็เออๆ จริงแหละ แต่พอเจอเรื่องหนักๆ เข้าจริงๆ แล้วนึกถึงประโยคนี้ มันช่วยให้เรามีสติขึ้นมาว่า เออ ปัญหามันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไปนะเว้ย เดี๋ยวมันก็ผ่านไปจริงๆ
  • หรือประโยค “Every cloud has a silver lining.” (ในเรื่องร้ายก็ยังมีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่) อันนี้ก็ช่วยให้ผมพยายามมองหาข้อดีเล็กๆ น้อยๆ ในวันที่รู้สึกว่าทุกอย่างมันแย่ไปหมด
  • “It’s okay not to be okay.” (ไม่เป็นไรหรอกนะ ถ้าจะรู้สึกไม่โอเคบ้าง) ประโยคนี้สำคัญมากสำหรับผมเลย มันทำให้ผมเลิกกดดันตัวเองว่าต้องเข้มแข็งตลอดเวลา การยอมรับความรู้สึกตัวเองมันก็เป็นการฮีลใจอย่างหนึ่ง
  • “Believe in yourself.” (จงเชื่อมั่นในตัวเอง) ง่ายๆ แต่ทรงพลัง เวลาท้อแท้ แค่อ่านประโยคนี้ก็เหมือนมีแรงฮึดขึ้นมานิดนึง
  • “You are stronger than you think.” (คุณแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิดนะ) บางทีเราก็ประเมินตัวเองต่ำไป พอได้อ่านประโยคนี้ก็เหมือนเป็นการปลุกยักษ์ในตัว ฮ่าๆ

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการ “ฝึก” ใช้ประโยคฮีลใจ

พอทำแบบนี้มาสักพัก ผมค้นพบว่ามันไม่ใช่แค่การอ่านประโยคสวยๆ ครับ แต่มันคือการฝึกปรับทัศนคติของเราไปด้วยในตัว จากคนที่อาจจะมองโลกในแง่ร้ายบ้างในบางครั้ง ก็เริ่มที่จะมองหาแง่มุมดีๆ มากขึ้น เริ่มที่จะให้กำลังใจตัวเองเป็น

มันไม่ได้เปลี่ยนให้ผมกลายเป็นคนใหม่ภายในวันเดียวนะครับ แต่มันค่อยๆ ซึมซับ ค่อยๆ ปรับ ทำให้ผมรับมือกับความรู้สึกแย่ๆ ได้ดีขึ้น มีสติมากขึ้น แล้วก็กลับมาใจฟูได้เร็วขึ้น

เหนื่อยใจใช่ไหม ลองอ่าน ประโยคฮีลใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ สร้างพลังบวกให้ตัวเองง่ายๆ

วันนี้ที่มาแชร์ก็ไม่ได้มีอะไรมากครับ แค่อยากจะบอกว่าบางทีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวเรานี่แหละที่มันช่วยเยียวยาจิตใจเราได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเลย ใครที่กำลังรู้สึกท้อแท้หรือหมดหวัง ลองหาประโยคฮีลใจในแบบของตัวเองดูนะครับ ไม่แน่ว่ามันอาจจะช่วยคุณได้เหมือนที่ช่วยผมก็ได้นะ สู้ๆ ครับทุกคน!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติ สำหรับเด็กและเยาวชนอายุ 3 ถึง 18 ปีโดยเฉพาะ

เราจะมอบคาบเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติให้คุณฟรี 1 คาบ พร้อมแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

This field is required.
This field is required.
กรุณากรอกข้อความของคุณที่นี่ โปรดให้สั้นและชัดเจน
ช่องทางการติดต่อที่ต้องการ
คุณต้องการให้เราติดต่อคุณอย่างไร?