สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ กับคำถามที่หลายคนสงสัยว่า palfish ดีไหม ผมเองก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ค้นหาคำตอบนี้เหมือนกัน เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังจากมุมมองของคนที่เคยลองใช้งานจริงมาแล้วครับ
จุดเริ่มต้นของผมกับ Palfish
เรื่องมันเริ่มมาจากช่วงที่ผมมองหารายได้เสริมครับ คิดไปคิดมาว่าอยากทำอะไรที่ไม่ต้องเดินทางมากนัก แล้วก็พอมีความรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง เลยเริ่มมองหาพวกงานสอนออนไลน์นี่แหละครับ ตอนนั้นก็เห็น Palfish ผ่านตาบ่อยๆ ในกลุ่มคนหางานพิเศษบ้าง กลุ่มคุณแม่ที่อยากให้ลูกเรียนภาษาบ้าง ก็เลยลองศึกษาดูว่ามันเป็นยังไง

ขั้นตอนการสมัครและเตรียมตัว
ตอนแรกก็เข้าไปดูข้อมูลในแอปเค้าก่อนเลยครับ อ่านๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจดี ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไรมากนะครับ หลักๆ ก็คือ
- กรอกข้อมูลส่วนตัวทั่วไป
- อัดวิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ
- ทำเดโมสอนสั้นๆ (อันนี้แอบตื่นเต้นนิดหน่อย)
- ถ้ามีพวกใบรับรองเกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษ (TEFL, TESOL) ก็จะช่วยได้เยอะ แต่ตอนนั้นผมยังไม่มี ก็อาศัยประสบการณ์สอนพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ไปก่อน
หลังจากส่งข้อมูลไป ก็รอเค้าอนุมัติครับ จำได้ว่ารอไม่นานมากนะ พอผ่านแล้วก็ต้องเข้าไปตั้งค่าโปรไฟล์ตัวเอง ใส่รูป ใส่รายละเอียดต่างๆ ให้ดูน่าสนใจหน่อย แล้วก็เปิดตารางเวลาที่เราสะดวกสอน
ประสบการณ์จริงในการสอนบน Palfish
เอาล่ะ มาถึงส่วนสำคัญแล้ว ช่วงแรกๆ ที่ผมเริ่มเปิดตารางสอน บอกตรงๆ ว่า เงียบกริบครับ! ฮ่าๆๆ อาจจะเป็นเพราะโปรไฟล์ยังใหม่ ไม่มีรีวิว คนยังไม่ค่อยเห็น แต่ผมก็พยายามเข้าไปอัปเดตโปรไฟล์บ่อยๆ ลองปรับเวลาสอนดูบ้าง
สักพักก็เริ่มมีนักเรียนเข้ามาจองครับ ส่วนใหญ่ที่ผมเจอจะเป็นเด็กเล็กๆ เลย น่ารักดีครับ Palfish เค้าก็จะมีบทเรียนสำเร็จรูปมาให้ เราก็สอนไปตามนั้นได้เลย ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก แต่บางทีก็รู้สึกว่ามันซ้ำๆ เดิมๆ ไปหน่อยนะ
ข้อดีที่ผมเจอ:
- ความยืดหยุ่นเรื่องเวลา: อันนี้ชอบมาก เราเลือกเปิดสอนเวลาไหนก็ได้ที่สะดวกจริงๆ
- ได้ฝึกภาษา: ถึงแม้จะสอนเด็ก แต่เราก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา
- ทำงานจากที่บ้าน: ประหยัดค่าเดินทาง ไม่ต้องตื่นเช้ารีบไปไหน
ส่วนที่รู้สึกว่าเป็นความท้าทาย (หรือข้อด้อยในมุมผม):
- การแข่งขันสูง: ครูเยอะมากครับ โดยเฉพาะครูจากประเทศที่ค่าครองชีพไม่สูงเท่าเรา ทำให้การดึงดูดนักเรียนต้องใช้ความพยายามพอสมควร
- รายได้ไม่แน่นอน: ช่วงไหนนักเรียนเยอะก็ดีไป แต่บางช่วงก็อาจจะว่างยาวๆ รายได้มันเลยค่อนข้างแกว่ง
- ระบบบางอย่าง: บางทีก็มีปัญหาเรื่องสัญญาณบ้าง แอปค้างบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้บ่อยจนน่าเกลียด
- ค่าตอบแทน: ถ้าเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น หรือการสอนตัวต่อตัวแบบออฟไลน์ ก็อาจจะรู้สึกว่าค่าตอบแทนต่อชั่วโมงไม่ได้สูงมากนัก ยิ่งถ้าโดนหักค่าธรรมเนียมอะไรต่างๆ แล้วด้วย
ผมเคยลองทั้งแบบ Free Talk ที่เรากำหนดเนื้อหาเองได้ กับแบบ Official Kids Course (OKC) ที่มีหลักสูตรให้ แบบหลังนี่จะมีความแน่นอนเรื่องบทเรียนมากกว่า แต่ก็ต้องทำตามกฎระเบียบของเค้าเป๊ะๆ หน่อย
ทำไมผมถึงมาเล่าเรื่องนี้ได้?
ก็เพราะผมลองผิดลองถูกกับมันมาพักใหญ่เลยครับ ตั้งแต่เริ่มสมัครจนถึงช่วงที่ตัดสินใจพักการสอนไป เพราะรู้สึกว่ามันอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ชีวิตผมในตอนนั้นเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ดีนะครับ มันขึ้นอยู่กับว่าใครมองหาอะไรมากกว่า
สรุปแล้ว Palfish ดีไหม?
ถ้าถามผมตรงๆ ว่า palfish ดีไหม ผมคิดว่ามันก็มีทั้งข้อดีและข้อที่ต้องพิจารณาครับ
มันอาจจะดีสำหรับ:
- คนที่อยากหารายได้เสริมแบบยืดหยุ่น ไม่ซีเรียสเรื่องรายได้ต้องเป๊ะๆ ทุกเดือน
- คนที่ชอบสอนเด็กเล็ก และโอเคกับการสอนตามหลักสูตรสำเร็จรูป
- คนที่เพิ่งเริ่มเข้าวงการสอนออนไลน์ อยากหาประสบการณ์
แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับ:
- คนที่ต้องการรายได้หลักที่มั่นคงมากๆ จากช่องทางนี้
- คนที่คาดหวังค่าตอบแทนสูงต่อชั่วโมง
- คนที่ไม่ชอบการแข่งขันสูง หรือไม่ถนัดทำการตลาดให้ตัวเองเท่าไหร่
สุดท้ายแล้ว ประสบการณ์ของแต่ละคนก็คงไม่เหมือนกันครับ ทางที่ดีที่สุดคือลองศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน แล้วลองถามใจตัวเองดูว่ามันตรงกับสิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า สำหรับผมแล้ว Palfish ก็ถือเป็นประสบการณ์หนึ่งที่ทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลยครับ หวังว่าข้อมูลที่ผมแชร์ไปวันนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจอยู่นะครับ
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments