สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเองเลย กับการพยายามจะเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบฟรีๆ เนี่ยแหละครับ เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นน่ะ งานมันซาๆ ลงไปเยอะเลย มีเวลาว่างแบบไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดี นั่งไถมือถือไปวันๆ ก็เบื่อ เลยคิดว่า เอ้อ หาอะไรเรียนฟรีๆ ดีกว่า ภาษาอังกฤษนี่แหละ ไม่เสียหาย เผื่อได้ใช้ในอนาคต

จุดเริ่มต้นและการลองผิดลองถูก

ตอนแรกก็ไปงมๆ ในเน็ตก่อนเลยครับ พิมพ์ไปง่ายๆ ว่า ‘เรียนอังกฤษฟรี’ โอ้โห! ผลลัพธ์มันขึ้นมาเป็นพรืดเลยครับ เยอะจนตาลาย เลือกไม่ถูกว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี ใจนึงก็อยากได้ผลเร็วๆ อีกใจก็กลัวว่าจะไปเจออะไรไม่เวิร์คแล้วเสียเวลา

ผมก็ลองไปหลายอย่างเลยนะในช่วงแรกๆ น่ะ มีทั้งแบบนี้ครับ:

• ลองโหลดแอปพลิเคชันสอนศัพท์มาสองสามตัว บางอันก็มีเกมให้เล่นเพลินๆ แต่ศัพท์มันก็เป็นคำๆ โดดๆ ไม่ค่อยเห็นภาพว่าจะเอาไปใช้ยังไงในประโยคจริง
• เข้าไปดูเว็บไซต์ที่สอนไวยากรณ์เต็มไปหมด อ่านแล้วก็งงๆ มึนๆ คือมันละเอียดมากจนท้ออ่ะครับ จำไม่ค่อยได้
• มีพวกบทความสั้นๆ ให้อ่านฟรี อันนี้ก็พอได้บ้าง แต่บางทีเนื้อหามันก็ยากไปสำหรับคนพื้นฐานน้อยอย่างผม

คือช่วงแรกๆ นี่ล้มลุกคลุกคลานพอสมควรเลยครับ บางวันก็ฮึดสู้ บางวันก็ท้อ ไม่อยากจะเปิดดูอะไรเลย เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ แถมเนื้อหาฟรีบางอันก็ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ด้วย

ค้นพบแนวทางที่ใช่สำหรับตัวเอง

หลังจากลองผิดลองถูกอยู่พักใหญ่ ผมก็เริ่มจับทางได้ว่าตัวเองไม่เหมาะกับการเรียนแบบท่องจำเป็นหลัก หรืออ่านตำราไวยากรณ์หนักๆ ผมเป็นพวกชอบดู ชอบฟังมากกว่า เลยเริ่มเปลี่ยนแนวทางครับ

ผมเริ่มจากการหาพวกคลิปวิดีโอสอนภาษาอังกฤษฟรีๆ ในแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ต่างๆ ตอนแรกก็ดูไปเรื่อยเปื่อยครับ ดูที่เขาสอนแบบสนุกๆ ไม่เครียด เน้นการใช้ในชีวิตประจำวัน เริ่มจากประโยคง่ายๆ คำศัพท์พื้นฐานก่อน แล้วก็ค่อยๆ ขยับไปดูอะไรที่มันยากขึ้น

สิ่งที่ผมทำเป็นประจำเลยก็คือ:

• ดูการ์ตูนหรือซีรีส์ภาษาอังกฤษแบบมีซับไตเติ้ลอังกฤษ: อันนี้ช่วยได้เยอะเลยครับ ทำให้เราเห็นว่าคำศัพท์หรือประโยคที่เราเรียนมาเนี่ย เขาใช้กันยังไงในสถานการณ์จริง ตอนแรกก็อ่านซับตามไม่ค่อยทันหรอกครับ แต่พอดูบ่อยๆ มันก็เริ่มชิน
• ฟังเพลงสากลแล้วดูเนื้อเพลงตาม: วิธีนี้เพลินดีครับ ได้ทั้งความบันเทิงแล้วก็ได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆ ด้วย พยายามร้องตามบ้างถึงจะเพี้ยนๆ ก็ตามที
• หาคลิปสั้นๆ ของเจ้าของภาษาที่พูดคุยกันในชีวิตประจำวัน: พวกคลิปสัมภาษณ์สั้นๆ หรือคลิป vlog ของฝรั่งเนี่ย ผมว่ามันช่วยให้เราชินกับสำเนียงและความเร็วในการพูดของเขาได้ดีเลย ถึงจะฟังออกบ้างไม่ออกบ้างก็พยายามจับใจความเอา
• พยายามพูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ: อันนี้อาจจะดูแปลกๆ หน่อย แต่ผมลองทำดูครับ เช่น เวลาจะทำอะไร ก็ลองคิดเป็นภาษาอังกฤษในหัว หรือพูดออกมาเบาๆ มันช่วยให้เรากล้าที่จะใช้ภาษามากขึ้น แม้จะไม่มีคนฟังก็ตาม

ผมไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องเก่งภายในวันสองวันนะครับ แต่จะเน้นทำสม่ำเสมอ วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี บางวันยุ่งๆ ก็อาจจะแค่ฟังเพลงภาษาอังกฤษสักเพลง หรือดูคลิปสั้นๆ สัก 5-10 นาที แต่พยายามไม่ให้ขาดเลย

ผลลัพธ์ที่ได้จากการเรียนฟรี (แบบไม่อวย)

ถ้าถามว่าตอนนี้ผมเก่งภาษาอังกฤษระดับเทพเลยไหม? ตอบเลยว่าไม่ครับ! ยังห่างไกลคำนั้นเยอะ แต่ถ้าเทียบกับตอนก่อนเริ่มเรียน ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่ามันดีขึ้นจริงๆ นะ

จากที่เมื่อก่อนฟังฝรั่งพูดแทบไม่รู้เรื่องเลย เดี๋ยวนี้พอจะจับใจความได้มากขึ้นเยอะ ดูหนังหรือซีรีส์บางเรื่องก็เริ่มจะฟังออกโดยไม่ต้องพึ่งซับไทยตลอดเวลาแล้ว (แต่ก็ยังต้องมีบ้างนะ ฮ่าๆ) คำศัพท์ที่รู้ก็เยอะขึ้น กล้าที่จะพูดผิดๆ ถูกๆ มากขึ้น จากเมื่อก่อนที่ไม่กล้าเลย

ที่สำคัญที่สุดคือ ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้เสียเงินค่าคอร์สเรียนเลยสักบาทครับ! อาศัยแค่ความพยายาม ความสม่ำเสมอ และการรู้จักเลือกแหล่งเรียนรู้ฟรีๆ ที่มันเหมาะกับเราเท่านั้นเอง มันอาจจะไม่ได้ผลเร็วเหมือนไปลงคอร์สแพงๆ แต่สำหรับคนงบน้อยแต่อยากพัฒนาตัวเอง ผมว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ เลยครับ

ก็หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาช่องทางเรียนภาษาอังกฤษแบบฟรีๆ อยู่นะครับ ลองดูครับ ไม่เสียหายแน่นอน!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ