จุดเริ่มต้นของการผจญภัยสอนภาษาอังกฤษให้เจ้าตัวเล็ก
สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลย กับการพยายามสอนภาษาอังกฤษให้ลูกน้อยวัยอนุบาลของตัวเอง คือเรื่องมันเริ่มมาจากเห็นเด็กคนอื่นเขาเริ่มพูดคำนั้นคำนี้ได้บ้าง บวกกับใจเราเองก็อยากให้ลูกคุ้นเคยกับภาษาที่สองแต่เนิ่นๆ อะเนอะ ตอนแรกก็มึนตึ้บเลย ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ไปเดินด้อมๆ มองๆ ตามร้านหนังสือ แผงสื่อการสอนเด็ก โอ้โห…ละลานตาไปหมด เลือกไม่ถูกเลยจริงๆ ค่ะว่าจะเอาอันไหนดี
ช่วงลองผิดลองถูก มั่วๆ งงๆ กันไป
ขอบอกเลยว่าช่วงแรกนี่เละเทะมาก! คือซื้อดะไปหมด ทั้งบัตรคำศัพท์สีสวยๆ ที่เขาว่าดีนักดีหนา เปิดเพลงภาษาอังกฤษเด็กให้ฟังวนไป บางทีก็ชี้ๆ ของในบ้านแล้วก็พูดเป็นภาษาอังกฤษใส่ลูกแบบดื้อๆ เลยค่ะ “This is a table!” “That is a cat!” อะไรทำนองนั้น
ลูกทำหน้างงสิคะ มองแบบ…แม่พูดอะไร? บางทีก็หัวเราะคิกคัก นึกว่าแม่เล่นตลกด้วยมั้ง ตอนนั้นก็แอบท้อนะ คิดในใจว่ามันจะเวิร์คไหมเนี่ย
แล้วก็มีช่วงนึงที่ฮิตพวกแอปพลิเคชันสอนภาษาในแท็บเล็ต โหย…โหลดมาเพียบเลยค่ะ คิดว่าลูกน่าจะชอบเพราะมีภาพมีเสียง แต่เอาเข้าจริง ลูกจิ้มๆ เล่นๆ แป๊บเดียวก็เบื่อแล้วค่ะ สมาธิเด็กอนุบาลอะเนอะ มันสั้นจริงๆ พอเบื่อปุ๊บก็โยนแท็บเล็ตทิ้งไปหาอย่างอื่นเล่นต่อซะงั้น
- บัตรคำศัพท์: แรกๆ ก็ดูตื่นตาตื่นใจดีค่ะ ชี้ตาม หยิบจับ แต่พอผ่านไปสักพัก เริ่มเอามาเคี้ยวบ้าง ขยำบ้าง หลังสุดนี่เขวี้ยงทิ้งกระจายเลยค่ะคุณแม่!
- เพลงภาษาอังกฤษ: อันนี้ถือว่าพอไปได้บ้างนะคะ แต่ต้องเป็นเพลงที่จังหวะสนุกๆ มีท่าเต้นประกอบเยอะๆ ลูกจะชอบเต้นตาม แต่ถ้าเพลงช้าๆ เนิบๆ นี่…หลับค่ะ
- แอปพลิเคชัน: ข้อดีคือมีภาพการ์ตูนสีสวย มีเสียงประกอบน่าสนใจ แต่สุดท้ายก็สู้แม่เล่นด้วยตัวเป็นๆ ไม่ได้อยู่ดีค่ะ ลูกอยากให้เรามีส่วนร่วมมากกว่า
สรุปคือช่วงแรกๆ นี่เหมือนทำกับข้าวแบบจับฉ่ายเลยค่ะ ใส่นู่นนิด นี่หน่อย ลองไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้มีหลักการอะไรชัดเจนเลย ผลลัพธ์ก็เลยยังไม่ค่อยเห็นเป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่
ในที่สุดก็เริ่มจับทางได้ (สักที!)
จนกระทั่งวันหนึ่ง…เหมือนสวรรค์มาโปรด! คือเริ่มสังเกตเห็นว่าจริงๆ แล้วหัวใจสำคัญของการสอนเด็กเล็กๆ เนี่ย มันไม่ใช่การ “สอน” แบบเอาจริงเอาจังเหมือนในห้องเรียน แต่มันคือการ “เล่น” กับเขาค่ะ ต้องทำให้ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก เป็นส่วนหนึ่งของการเล่นของเขาไปเลย
จากที่เคยพยายามจะให้ลูกมานั่งโต๊ะอ่านหนังสือABC ก็เปลี่ยนใหม่ค่ะ ชวนลูกเล่นเกมทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากของเล่นรอบตัวแทน “What’s this? It’s a ball! A red ball!” อะไรแบบนี้
เริ่มอ่านนิทานภาษาอังกฤษให้ฟังก่อนนอน เลือกเล่มที่ภาพใหญ่ๆ สีสวยๆ คำศัพท์ไม่ยากมาก แล้วก็พยายามดัดเสียง ทำเสียงเล็กเสียงน้อยประกอบการเล่าเรื่อง อันนี้ลูกชอบมากค่ะ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเลย
ร้องเพลงภาษาอังกฤษด้วยกัน เต้นประกอบเพลงแบบไม่ต้องอายใคร ไม่ต้องไปกังวลเรื่องแกรมมาร์อะไรมากมายเลยค่ะ เน้นให้ลูกสนุก กล้าพูด กล้าออกเสียงตามก็พอแล้ว

เวลาพาไปเดินเล่นนอกบ้าน เจอหมา เจอแมว เจอต้นไม้ ก็ลองทักทายเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ สั้นๆ “Look! A dog. Woof woof!” หรือ “Wow, a big tree!” ลูกก็จะค่อยๆ ซึมซับไปเอง
อีกอย่างที่สำคัญมากๆ คือความสม่ำเสมอค่ะ พยายามทำทุกวัน วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี อาจจะแค่ 10-15 นาทีต่อวัน ดีกว่าอัดเนื้อหาให้ลูกทีเดียวเยอะๆ แล้วก็หายไปเป็นอาทิตย์ แบบนั้นลูกลืมหมดค่ะ
บทเรียนที่แม่ได้ (นอกเหนือจากภาษาอังกฤษของลูก)
สิ่งที่ค้นพบเลยนะ นอกเหนือจากลูกเริ่มจะฮัมเพลงภาษาอังกฤษได้บ้าง หรือพูดคำศัพท์เป็นคำๆ ออกมาให้ชื่นใจ (แม้จะยังเพี้ยนๆ อยู่บ้าง) ก็คือ…
- ความอดทนของแม่นี่แหละค่ะที่เพิ่มขึ้นเยอะมาก! สอนเด็กเล็กต้องใจเย็นจริงๆ ค่ะ จะไปคาดคั้นเอาคำตอบ หรือหงุดหงิดเวลาลูกไม่สนใจไม่ได้เลย
- เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันจริงๆ ค่ะ วิธีที่ใช้ได้ผลกับลูกเพื่อน ลูกบ้านอื่น อาจจะเอามาใช้กับลูกเราแล้วไม่เวิร์คก็ได้ เราต้องคอยสังเกตแล้วก็ปรับเปลี่ยนวิธีไปเรื่อยๆ
- อย่าไปกดดันลูกเด็ดขาดค่ะ ทำให้การเรียนรู้ภาษาเป็นเรื่องน่าสนุก เป็นเกม เป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัว เดี๋ยวเขาก็จะค่อยๆ เปิดใจรับมันเอง
- พอเห็นลูกเริ่มพูดคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้บ้างเป็นคำๆ เช่น “apple” “banana” “cat” โอ๊ย…มันดีใจนะคะ เหมือนความพยายามของเรามันเริ่มเห็นผลเล็กๆ แล้ว
ตอนนี้ลูกก็ยังไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายหรอกนะคะ ยังพูดเป็นประโยคยาวๆ ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี อย่างน้อยเขาก็ไม่กลัวภาษาอังกฤษแล้วก็ดูสนุกเวลาที่เราชวนคุยหรือเล่นเกมภาษาอังกฤษด้วยกัน
สรุปแบบภาษาบ้านๆ สไตล์แม่ลูกอ่อน
สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่กำลังคิดๆ มองๆ อยากจะเริ่มสอนภาษาอังกฤษให้ลูกวัยอนุบาลนะคะ ลงมือเลยค่ะ! ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องรอให้พร้อมทุกอย่าง ไม่ต้องมีอุปกรณ์เลิศเลอเพอร์เฟค
เริ่มจากอะไรง่ายๆ ใกล้ๆ ตัว ทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเลย ไม่ต้องไปตั้งเป้าหมายสูงส่งว่าลูกจะต้องพูดได้ปร๋อภายในสามเดือนหกเดือน มันเครียดทั้งแม่ทั้งลูกเปล่าๆ ค่ะ
สิ่งสำคัญที่สุดเลยนะ คือตัวเราเอง (พ่อแม่ผู้ปกครอง) ต้องสนุกไปกับมันด้วยค่ะ ถ้าเราทำด้วยความเครียด ความกดดัน ลูกเขารับรู้ได้นะคะ แล้วมันจะกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีสำหรับเขาไปเลย

ส่วนบ้านเราเองก็ยังคงต้องพยายามสอนกันต่อไปเรื่อยๆ นี่แหละค่ะ ยังมีอะไรให้ลองผิดลองถูกอีกเยอะ หวังว่าสักวันเจ้าตัวเล็กคงจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้นกว่านี้ (แต่จะเมื่อไหร่ก็…รอดูกันไปยาวๆ ค่ะ 555)
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments