51talk กับ palfish ต่างกันยังไง แอปเรียนภาษาอังกฤษสองตัวนี้มีอะไรไม่เหมือนกัน
51talk กับ palfish ต่างกันยังไง แอปเรียนภาษาอังกฤษสองตัวนี้มีอะไรไม่เหมือนกัน
Share:

สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเองเลย กับคำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยว่า 51talk กับ Palfish เนี่ย มันต่างกันยังไง เพราะผมเองก็เคยลองผิดลองถูกมากับทั้งสองแพลตฟอร์มนี้เหมือนกันครับ

จุดเริ่มต้นการผจญภัยในโลกสอนออนไลน์

เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นผมมองหารายได้เสริม แล้วก็พอจะมีความรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง เลยเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ ตอนแรกก็เจอ 51talk ก่อนเลยครับ เห็นโฆษณาบ่อย โปรไฟล์ดูน่าเชื่อถือดี ก็เลยลองสมัครดู

51talk กับ palfish ต่างกันยังไง แอปเรียนภาษาอังกฤษสองตัวนี้มีอะไรไม่เหมือนกัน

ขั้นตอนการสมัครของ 51talk ก็จะมีกรอกประวัติ ทดสอบภาษาอังกฤษเบื้องต้น แล้วก็มีการอบรมเล็กน้อยก่อนเริ่มสอนจริง ตอนนั้นผมก็ตื่นเต้นนะ จะได้สอนเด็กๆ ชาวจีนแล้ว พอเริ่มสอนจริง สิ่งที่ผมสัมผัสได้กับ 51talk คือ:

  • ตารางสอนค่อนข้างตายตัว: คือทางระบบเค้าจะมีนักเรียนมาจองเวลาเรา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเวลาเดิมๆ ถ้าเราเปิด slot ไว้ ก็จะมีคนจองเข้ามาเรื่อยๆ เหมาะกับคนที่ต้องการความสม่ำเสมอในตารางงาน
  • บทเรียนมีให้พร้อม: อันนี้สบายเลย ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ทาง 51talk เค้ามีสไลด์ มีเนื้อหามาให้พร้อม เราแค่ทำความเข้าใจแล้วก็สอนตามนั้นไป
  • นักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็ก: ก็จะมีความน่ารัก ความซน ตามประสาเด็กๆ ครับ ต้องใช้พลังงานเยอะหน่อยในการดึงดูดความสนใจ
  • ระบบค่อนข้างเป็นทางการ: มีการประเมินผล มีกฎระเบียบที่ค่อนข้างชัดเจน ต้องเป๊ะนิดนึง

สอนไปได้สักพักใหญ่ๆ ผมก็รู้สึกว่าเออ มันก็โอเคนะ มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอดี แต่ลึกๆ แล้วผมอยากได้ความยืดหยุ่นมากกว่านี้ บางทีมีธุระด่วน หรืออยากจะพักผ่อน การต้องล็อกตารางสอนล่วงหน้ามันก็แอบอึดอัดบ้างเหมือนกัน

เปลี่ยนเส้นทางสู่ Palfish

ช่วงนั้นเองที่ผมเริ่มได้ยินชื่อ Palfish จากเพื่อนๆ ที่สอนออนไลน์เหมือนกัน เค้าบอกว่ามันยืดหยุ่นกว่ามาก เลือกเวลาสอนเองได้ แถมยังมีประเภทการสอนให้เลือกหลากหลายด้วย ผมก็เลยเอาล่ะสิ ลองดูหน่อยจะเป็นไรไป!

การสมัคร Palfish ก็คล้ายๆ กันครับ มีกรอกประวัติ อัดวิดีโอแนะนำตัว ทดสอบภาษา แต่สิ่งที่ผมรู้สึกต่างออกไปตั้งแต่แรกคือความเป็นกันเองของแพลตฟอร์ม มันดูเข้าถึงง่ายกว่า พอเริ่มสอนจริงกับ Palfish ผมก็ค้นพบว่า:

  • ความยืดหยุ่นสูงมาก: อันนี้คือจุดเด่นเลยครับ โดยเฉพาะคลาสแบบ Free Talk เราอยากสอนเมื่อไหร่ก็แค่กดออนไลน์ ถ้ามีนักเรียนสนใจเค้าก็จะโทรเข้ามา หรือเราจะเปิดคลาสแบบ Official Kids Course (OKC) ที่มีการจองล่วงหน้าก็ได้เหมือนกัน แต่โดยรวมคือเราจัดการเวลาตัวเองได้ค่อนข้างอิสระ
  • มีประเภทคลาสหลากหลาย: นอกจาก Free Talk กับ OKC แล้ว ยังมี Live หรือการสร้างคอร์สของตัวเองได้ด้วย มันทำให้เราไม่เบื่อ แล้วก็เลือกสอนในแบบที่เราถนัดได้
  • นักเรียนหลากหลายกว่า: มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ครับ ทำให้เราได้เจอผู้คนจากหลายช่วงวัย ได้ฝึกการปรับตัวในการสอน
  • บรรยากาศสบายๆ กว่า: รู้สึกกดดันน้อยกว่า 51talk อาจจะเพราะเรามีอิสระในการจัดการตัวเองมากกว่า

แน่นอนว่า Palfish ก็มีส่วนที่เราต้องปรับตัวเหมือนกัน เช่น การตลาดตัวเองเพื่อให้มีนักเรียนเข้ามาเยอะๆ ในส่วนของ Free Talk หรือการเตรียมเนื้อหาเองบ้างถ้าอยากจะสอนนอกเหนือจากที่แพลตฟอร์มมีให้

แล้วตกลงมันต่างกันยังไงล่ะ? จากประสบการณ์ตรงของผม

ถ้าให้ผมสรุปจากที่ได้ลองมาทั้งสองที่นะครับ ความแตกต่างหลักๆ ที่ผมเจอเลยก็คือ:

เรื่องตารางสอนและความยืดหยุ่น:

51talk กับ palfish ต่างกันยังไง แอปเรียนภาษาอังกฤษสองตัวนี้มีอะไรไม่เหมือนกัน
51talk: จะเป็นแนว “ตารางค่อนข้างฟิกซ์” เหมือนเราทำงานประจำกลายๆ มีคนจัดนักเรียนมาให้ตามเวลาที่เราเปิดไว้ เหมาะกับคนที่ชอบความแน่นอน ไม่ต้องวิ่งหานักเรียนเองมากนัก
Palfish: อันนี้ “ยืดหยุ่นกว่าเยอะ” โดยเฉพาะถ้าเน้น Free Talk คืออยากสอนเมื่อไหร่ก็เปิดระบบ เหมือนเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว แต่ถ้าเป็น OKC ก็จะมีการจองคล้ายๆ กัน แต่โดยรวมแล้วเราบริหารจัดการเวลาได้ง่ายกว่า

เรื่องนักเรียนและเนื้อหา:
51talk: เน้น “เด็กเล็กถึงประถม” เป็นหลัก เนื้อหา “มีให้สำเร็จรูป” แทบไม่ต้องเตรียมอะไรเพิ่มเลย
Palfish: มี “ทั้งเด็กและผู้ใหญ่” เนื้อหาสำหรับ OKC ก็มีให้ แต่ถ้าเป็น Free Talk หรือคลาสอื่นๆ เราอาจจะต้อง “เตรียมเองบ้าง” หรือด้นสดตามสถานการณ์ ซึ่งก็สนุกไปอีกแบบ

เรื่องสไตล์การทำงานและรายได้:
51talk: ให้ความรู้สึก “เป็นทางการ” มีระบบ มีกฎเกณฑ์ชัดเจน รายได้ค่อนข้าง “สม่ำเสมอ” ตามชั่วโมงที่สอน

51talk กับ palfish ต่างกันยังไง แอปเรียนภาษาอังกฤษสองตัวนี้มีอะไรไม่เหมือนกัน
Palfish: บรรยากาศ “สบายๆ กว่า” เหมือนเราเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ของตัวเอง รายได้อาจจะ “ผันผวนกว่า” ในช่วงแรกถ้ายังจับทางไม่ถูก แต่ก็มีโอกาสทำได้เยอะถ้าเราขยันและมีเทคนิคในการดึงดูดนักเรียน

ผมไม่ได้บอกว่าอันไหนดีกว่าอันไหนนะครับ เพราะแต่ละคนก็มีสไตล์การทำงานและความต้องการที่ต่างกันไป อย่างตัวผมเอง ตอนแรกก็เริ่มจาก 51talk เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับระบบการสอนออนไลน์ พอเริ่มชินแล้วก็อยากได้ความท้าทายและความยืดหยุ่นมากขึ้น เลยมาลงตัวกับ Palfish มากกว่าในช่วงหลัง

หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังตัดสินใจหรือมองหาช่องทางสอนออนไลน์อยู่นะครับ ลองพิจารณาดูว่าไลฟ์สไตล์และความต้องการของเราเหมาะกับแพลตฟอร์มไหนมากกว่ากัน ขอให้สนุกกับการสอนครับ!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติ สำหรับเด็กและเยาวชนอายุ 3 ถึง 18 ปีโดยเฉพาะ

เราจะมอบคาบเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติให้คุณฟรี 1 คาบ พร้อมแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

This field is required.
This field is required.
กรุณากรอกข้อความของคุณที่นี่ โปรดให้สั้นและชัดเจน