สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองเลย กับการพยายามจะอัปสกิลภาษาอังกฤษของตัวเองครับ คือต้องบอกก่อนว่าภาษาอังกฤษของผมเนี่ยนะ ตอนแรกก็งูๆ ปลาๆ มากเลยคุณเอ๊ย จะฟังฝรั่งพูดก็จับใจความไม่ค่อยได้ จะพูดก็ติดๆ ขัดๆ นึกคำไม่ออก อ่านบทความอะไรยาวๆ ก็ตาลายไปหมด ส่วนเรื่องเขียนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เละเทะ! ๕๕๕
ก็เลยคิดว่า เอ้อ ต้องหาที่เรียนจริงจังซะที จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ อนาคตการทำงานเอย การเสพคอนเทนต์ต่างๆ เอย มันต้องใช้ภาษาอังกฤษทั้งนั้น ผมก็เริ่มเลยครับ เริ่มจากหาข้อมูล คอร์สเรียนต่างๆ เยอะแยะไปหมดเลย ทั้งออนไลน์ ทั้งแบบไปนั่งเรียนที่สถาบัน ลองดูรีวิว อ่านคอมเมนต์ต่างๆ จนไปเจอแนวคิดว่าถ้าจะเรียนทั้งที มันต้องครบเครื่องสิ ฟัง พูด อ่าน เขียน เอาให้หมดไปเลย! ก็เลยตัดสินใจลงคอร์สที่มันเน้นครบทุกทักษะแบบนี้แหละครับ
ช่วงเริ่มต้นการฝึกฝน
เอาล่ะ พอตัดสินใจได้แล้วก็ลุยเลย! วันแรกที่เข้าไปเรียนนี่ตื่นเต้นเหมือนกันนะ บรรยากาศมันก็ดูจริงจังดี ผมจะเล่าเป็นส่วนๆ ไปแล้วกันว่าแต่ละทักษะผมผ่านอะไรมาบ้าง
การฟัง (Listening):
ช่วงแรกๆ นี่ทรมานพอตัว อาจารย์เปิดคลิป เปิดเสียง โอ้โห…ฟังไม่รู้เรื่อง! เหมือนเสียงมันพันกันไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยครับ ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ตามเพื่อนไป แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้นะ พยายามตั้งใจฟัง จดศัพท์ที่ไม่รู้ พยายามจับคีย์เวิร์ดสำคัญๆ ของประโยค แล้วก็กลับมาบ้านก็พยายามหาอะไรฟังเพิ่มเองด้วย พวก podcast ง่ายๆ หรือเพลงสากลที่ชอบ แล้วดูเนื้อตาม แรกๆ ก็ท้อนะ แต่พอเริ่มจับทางได้นิดหน่อยมันก็มีกำลังใจขึ้นมา
การพูด (Speaking):
พอมาถึงเรื่องพูดนี่สิ เขินก็เขิน กลัวพูดผิด กลัวโดนเพื่อนหัวเราะ แต่ในคลาสเรียนครูเขาก็บอกว่า ไม่ต้องกลัว ผิดเป็นครู พูดไปเลย! สำเนียงไม่ต้องเป๊ะ ขอให้สื่อสารรู้เรื่องก่อน ผมก็เลยฮึดสู้ครับ เริ่มจากพูดตามบทสนทนาสั้นๆ ที่ครูให้มา จากนั้นก็มีการจับคู่ฝึกกับเพื่อนในคลาสบ้าง พูดแสดงความคิดเห็นหน้าห้องบ้าง แรกๆ ก็กระท่อนกระแท่น ติดอ่างเป็นพักๆ หลังๆ เริ่มชินปากมากขึ้น เริ่มกล้าที่จะพูดประโยคยาวๆ ขึ้นมาหน่อย ถึงจะยังผิดๆ ถูกๆ บ้าง แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองกล้าแสดงออกมากขึ้นเยอะเลยครับ
การอ่าน (Reading):
ส่วนการอ่าน ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะหมูสุด เพราะเราพอมีพื้นฐานศัพท์มาบ้าง แต่พอเจอเนื้อหายาวๆ หรือบทความวิชาการหน่อยๆ เข้าไปเท่านั้นแหละครับ ศัพท์ยากๆ เต็มไปหมด อ่านประโยคนึงแปลเป็นชั่วโมง ๕๕๕ แต่พอได้เทคนิคจากครูว่าให้อ่านจับใจความหลักก่อน ไม่ต้องพยายามแปลทุกคำ มองภาพรวมของเรื่อง มันก็เริ่มดีขึ้นครับ ผมเริ่มอ่านพวกข่าวสั้นๆ บทความง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ขยับไปอ่านอะไรที่มันซับซ้อนขึ้น มันช่วยให้เราเข้าใจโครงสร้างประโยคและวิธีการใช้คำได้ดีขึ้นจริงๆ

การเขียน (Writing):
มาถึงเรื่องเขียน อันนี้ก็ปวดหัวไม่แพ้กันเลยคุณเอ๊ย แกรมมงแกรมม่า โอ๊ย สับสนไปหมด เรียงคำยังไงให้ถูกหลัก แต่ก็ต้องฝึกครับ ครูให้การบ้านเขียนเรื่องสั้นๆ บ้าง เขียนอีเมลสมมติบ้าง ผมก็พยายามเขียนส่งทุกครั้ง แรกๆ ก็โดนแก้แดงเถือกเลยครับ ๕๕๕ แต่ครูแกก็อธิบายละเอียดนะว่าผิดตรงไหน ควรแก้ยังไง พอฝึกไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองสามารถเรียบเรียงความคิดออกมาเป็นตัวอักษรได้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่เขียนคำต่อๆ กันไปเฉยๆ
ผลลัพธ์ที่ได้และความรู้สึกหลังจบคอร์ส (หรือช่วงระยะเวลาหนึ่ง)
หลังจากที่ผมกัดฟันเรียนและฝึกฝนตัวเองมาได้สักพักใหญ่ๆ เนี่ยนะ ผมรู้สึกเลยว่าตัวเองเปลี่ยนไปเยอะ จากคนที่เคยกลัวภาษาอังกฤษ ตอนนี้กลายเป็นคนที่สนุกกับมันมากขึ้น ถึงจะยังไม่ถึงขั้นเป็นเทพเจ้าอะไรหรอกนะครับ ๕๕๕ แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นมาเยอะมาก
ผลลัพธ์ที่เห็นชัดๆ เลยคือ:
- ฟังข่าวภาษาอังกฤษ หรือดูหนังแบบซับอังกฤษ เริ่มรู้เรื่องมากขึ้นเยอะ จากเมื่อก่อนได้แต่ทำหูทวนลม
- กล้าที่จะคุยกับชาวต่างชาติมากขึ้น ถึงจะยังไม่เป๊ะเท่าเจ้าของภาษา แต่ก็พอสื่อสารกันได้รู้เรื่อง ไม่ต้องกลัวเหมือนเมื่อก่อน
- อ่านบทความภาษาอังกฤษ หรือพวกคู่มือต่างๆ ได้เข้าใจมากขึ้น ไม่ต้องพึ่ง google translate ตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
- เรื่องเขียนก็ดีขึ้น สามารถเขียนอีเมลโต้ตอบงาน หรือเขียนสรุปสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้นเยอะเลย
เอาจริงๆ นะครับ การเรียนภาษาอังกฤษแบบครบวงจร ฟัง พูด อ่าน เขียน เนี่ย มันไม่มีทางลัดหรอกครับ มันต้องใช้เวลา ความอดทน และความสม่ำเสมอจริงๆ ใครที่กำลังมองหาแนวทางการพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองอยู่ ผมว่าลองเริ่มจากตั้งเป้าหมาย แล้วก็หาคอร์สหรือวิธีการที่มันตอบโจทย์ตัวเองดูครับ อาจจะเหนื่อยหน่อยช่วงแรก แต่ถ้าผ่านไปได้ ผลลัพธ์ที่ได้มันคุ้มค่ากับความพยายามของเราแน่นอนครับ สู้ๆ ครับทุกคน!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments