ประสบการณ์ตรง! กว่าจะได้มาซึ่ง “คำคมวันเด็ก” ฉบับใช้งานจริง

สวัสดีครับพี่น้องชาวบล็อกทุกท่าน วันนี้มาอีกแล้วกับเรื่องราวการลงมือทำจริงของผมเอง คราวนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวพวกเรามากๆ โดยเฉพาะใครที่มีลูกมีหลาน หรือต้องไปร่วมงานวันเด็ก นั่นก็คือเรื่อง “คำคมวันเด็ก” นี่แหละครับ

คือเรื่องมันเริ่มมาจากปีที่แล้วเลยนะ ตอนนั้นผมนั่งดูข่าว ดูตามโซเชียล เห็นผู้ใหญ่หลายคนพยายามจะพูดอะไรซึ้งๆ ให้กับเด็กๆ ซึ่งมันก็ดีนะ แต่บางทีมันก็รู้สึกว่า…เอ่อ…มันดูเป็นทางการไปไหม? หรือบางอันมันก็ดูซ้ำๆ เดิมๆ ที่เคยได้ยินมาแล้ว ผมก็เลยเกิดความคิดว่า “เฮ้ย! ถ้าเราจะหาคำคมวันเด็กจริงๆ เนี่ย มันควรจะเป็นยังไงวะ?”

เอาล่ะสิ พอคิดแบบนั้นแล้วมันก็คันไม้คันมือ อยากจะลองทำดูเองบ้าง ปีนี้ผมเลยตั้งใจเลยว่า จะลองรวบรวมหรือคิดคำคมวันเด็กในสไตล์ของผมดู

ขั้นตอนการ “ล่า” คำคมของผม

ขั้นแรกเลยนะ ผมไม่ได้เริ่มจากการไปเสิร์ชหาในกูเกิลทันทีนะ ไม่เอาแบบนั้น มันง่ายไป ผมเริ่มจาก การนั่งนึกย้อนไปตอนตัวเองเป็นเด็ก ก่อนเลยครับ ว่าตอนนั้นเราอยากได้ยินอะไรจากผู้ใหญ่ คำพูดแบบไหนที่มันจะทำให้เรารู้สึกมีพลัง รู้สึกดี หรือแม้กระทั่งหัวเราะออกมาได้บ้าง

พอนึกภาพตัวเองตอนเด็กๆ ออกแล้ว ผมก็เริ่ม สังเกตเด็กๆ รอบตัว ในยุคนี้ ทั้งลูกหลานตัวเอง เด็กข้างบ้าน หรือแม้กระทั่งเด็กๆ ที่เห็นตามสื่อต่างๆ พยายามจะจับให้ได้ว่าเด็กสมัยนี้เขาสนใจอะไร เขาคิดอะไรกันอยู่ ภาษาที่เขาใช้มันเป็นยังไง

จากนั้น ผมถึงจะเริ่ม ลองไปค้นหาคำคมที่มีอยู่แล้วบ้าง แต่ไม่ได้เอามาทั้งหมดนะ ผมจะเลือกเฉพาะอันที่อ่านแล้วรู้สึกว่า “เออ! อันนี้มันใช่!” คือมันต้องไม่ยาวเกินไป เข้าใจง่าย และที่สำคัญคือมันต้องให้พลังบวกกับเด็กๆ จริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรูแต่จับต้องไม่ได้

ผมเจอหลายอันเลยนะที่แบบ…ผู้ใหญ่เขียนให้ผู้ใหญ่อ่านมากกว่า คือมันลึกซึ้งเกินไปสำหรับเด็ก หรือบางทีก็ดูสั่งสอนมากไปหน่อย ผมว่าเด็กๆ เขาไม่ได้ต้องการอะไรที่มันซับซ้อนขนาดนั้นหรอก

สิ่งที่ผมค้นพบระหว่างทาง

ระหว่างที่ผมกำลังง่วนอยู่กับการหา การคิด การกลั่นกรองคำคมเนี่ย ผมก็ค้นพบอะไรบางอย่าง:

• ความเรียบง่ายคือที่สุด: คำคมที่ดีสำหรับเด็ก ไม่จำเป็นต้องใช้ศัพท์แสงหรูหราอลังการเลยครับ ยิ่งง่าย ยิ่งตรงประเด็น ยิ่งดี
• ความเป็นจริงสำคัญกว่าคำปลอบใจลอยๆ: เด็กๆ เขาฉลาดนะ เขาแยกแยะออกว่าอันไหนจริง อันไหนแค่พูดให้มันดูดีไปงั้นๆ คำคมที่มันสะท้อนความเป็นจริง และให้กำลังใจในการเผชิญหน้ากับมันได้ จะมีค่ามากกว่า
• อารมณ์ขันช่วยได้เยอะ: บางทีคำคมตลกๆ กวนๆ นิดๆ ก็ทำให้เด็กยิ้มได้ และจำได้ง่ายกว่าคำคมเครียดๆ นะครับ
• ผู้ใหญ่เองก็ต้อง “เป็นเด็ก” บ้าง: ตอนที่ผมพยายามคิดคำคม ผมลองสวมบทบาทเป็นเด็กดูเลย มันช่วยให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่าเด็กอยากได้ยินอะไร

ผลลัพธ์ที่ได้ (ฉบับใช้งานจริงของผม)

สุดท้าย หลังจากที่ใช้เวลาไปพอสมควร ผมก็ได้ลิสต์คำคมวันเด็กในแบบฉบับของผมเองขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะ “เวิร์ค” นะ คือมันอาจจะไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟคอะไร แต่ผมว่ามันมาจากความตั้งใจจริง และความพยายามที่จะเข้าใจเด็กๆ จริงๆ

ยกตัวอย่างบางอันที่ผมชอบนะ (อันนี้ผมปรับๆ มาบ้าง ผสมๆ กับที่คิดเองบ้าง):

• “โตไปไม่โกง…อันนี้เบสิก แต่สำคัญจริง!” (อันนี้ผมเน้นเลยว่ามันคือพื้นฐาน)
• “กล้าฝัน กล้าลอง ไม่ต้องกลัวพลาด พลาดแล้วเริ่มใหม่ได้เสมอเพื่อน!” (ให้กำลังใจแบบเพื่อนๆ)
• “ความสุขง่ายๆ อยู่รอบตัวเรา ลองมองหาสิ แล้วจะเจอ!” (อันนี้เน้นให้เห็นคุณค่าสิ่งเล็กน้อย)
• “เป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องเหมือนใครก็ได้” (เสริมความมั่นใจ)
• “ถามเยอะๆ สงสัยเยอะๆ ความรู้มันสนุกนะจะบอกให้!” (กระตุ้นความอยากรู้)

สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ผมได้เรียนรู้จากการลงมือทำครั้งนี้ก็คือ การจะสื่อสารอะไรกับเด็กๆ เราต้องใช้ “หัวใจ” ของความเป็นเด็กเข้ามาจับด้วย ไม่ใช่แค่ใช้ความคิดแบบผู้ใหญ่ไปตัดสิน ผมว่าคำคมมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่การกระทำและความเข้าใจที่เรามีให้เด็กๆ ต่างหากที่มันสำคัญกว่าเยอะเลยครับ

ก็หวังว่าประสบการณ์ของผมครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆ คนที่กำลังมองหาคำคมวันเด็ก หรืออยากจะลองทำอะไรแบบนี้ดูบ้างนะครับ ลองดูครับ ไม่เสียหาย สนุกดีออก!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ