สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยกับเรื่องของการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยอดฮิตสองตัวนี้ นั่นก็คือ TOEIC กับ IELTS เนี่ยแหละครับ ผมเองก็เคยผ่านสนามสอบทั้งสองอันนี้มาแล้ว เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังกันแบบบ้านๆ จากประสบการณ์จริงล้วนๆ
จุดเริ่มต้นของการต้องไปสอบ
เรื่องมันเริ่มมาจากตอนที่ผมทำงานอยู่ที่เก่าครับ อยู่ๆ บริษัทก็มีนโยบายใหม่ขึ้นมาว่า พนักงานในตำแหน่งที่ผมทำอยู่เนี่ย จะต้องมีผลคะแนน TOEIC ประกอบการพิจารณาอะไรสักอย่างนี่แหละ ตอนนั้นก็งงๆ นิดหน่อย เพราะปกติก็ใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานบ้างอยู่แล้ว แต่พอมีเกณฑ์คะแนนเข้ามา ก็เลยต้องเริ่มมองหาที่สอบ ดูแนวข้อสอบกันเลยทีเดียว

ลงสนาม TOEIC ครั้งแรก
การเตรียมตัว: บอกตามตรงว่าตอนนั้นก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากเลยครับ อาศัยว่าพอมีพื้นฐานอยู่บ้าง ก็ไปซื้อหนังสือแนวข้อสอบ TOEIC มาลองทำดูสักสองสามชุด จับเวลาจริงจัง เน้นไปที่พาร์ทฟัง (Listening) กับพาร์ทอ่าน (Reading) เพราะ TOEIC ที่สอบกันทั่วไปมันมีแค่นี้แหละครับ ส่วนใหญ่จะเป็น Multiple Choice ให้เลือกตอบ
วันสอบจริง: ตื่นเต้นนิดหน่อยครับ เพราะเป็นครั้งแรกที่สอบอะไรแบบนี้ในสนามจริง บรรยากาศในห้องสอบก็ค่อนข้างจะเงียบกริบ มีแต่เสียงปากกา เสียงพลิกกระดาษ พาร์ทฟังนี่ต้องตั้งสติดีๆ เลยครับ เพราะมันพูดเร็วแล้วก็ผ่านไปเลย ไม่มีให้ฟังซ้ำ ส่วนพาร์ทอ่านก็แข่งกับเวลาครับ บทความยาวๆ คำศัพท์ยากๆ ก็มีบ้าง ต้องบริหารเวลาให้ดี
ผลลัพธ์: พอผลออกมา ก็ถือว่าพอใจในระดับหนึ่งครับ คะแนนที่ได้ก็เกินเกณฑ์ที่บริษัทต้องการนิดหน่อย ตอนนั้นก็คิดว่า เออ TOEIC มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดแฮะ เน้นความไวกับความแม่นยำในการจับใจความสำคัญ ถ้าถามว่าคะแนนประมาณไหนดี ผมว่าถ้าได้สัก 700 อัพก็โอเคแล้วนะ สำหรับหลายๆ ที่ทำงาน แต่ถ้าจะให้ดีๆ หน่อยก็ต้อง 800+ ยิ่งถ้าได้ 900 นี่คือเทพเลยครับ ตอนนั้นผมก็ได้แถวๆ 700 ปลายๆ ก็ถือว่าเอาตัวรอดไปได้
แล้ว IELTS ล่ะ มายังไง?
หลังจากผ่าน TOEIC ไปได้สักพักใหญ่ๆ ผมก็เริ่มมีความคิดอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ หรืออาจจะมองหาโอกาสในการทำงานในบริษัทต่างชาติที่มันจริงจังกว่าเดิม คราวนี้แหละครับ TOEIC อย่างเดียวอาจจะไม่พอแล้ว เพราะหลายๆ ที่ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานที่ต้องการวัดระดับภาษาแบบครอบคลุมทุกทักษะ เค้าจะมองหาคะแนน IELTS กัน
ความแตกต่างที่สัมผัสได้: พอเริ่มศึกษาข้อมูล IELTS เท่านั้นแหละครับ โอ้โห… มันคนละเรื่องกับ TOEIC เลย IELTS นี่มันวัดครบทั้ง 4 ทักษะเลยครับ คือ ฟัง (Listening), พูด (Speaking), อ่าน (Reading), และ เขียน (Writing)
- Listening: คล้ายๆ TOEIC แต่มีความหลากหลายของสำเนียงมากกว่า แล้วก็มีคำถามหลายแบบ ไม่ใช่แค่ Multiple Choice
- Reading: บทความยาวและมีความเป็นวิชาการมากกว่า TOEIC คำศัพท์ก็ยากขึ้นไปอีกระดับ
- Writing: อันนี้แหละครับที่หินเลยสำหรับผม มีสองส่วน ส่วนแรกคือการเขียนอธิบายกราฟ ตาราง หรือแผนภาพ ส่วนที่สองคือการเขียนเรียงความแสดงความคิดเห็นในหัวข้อที่กำหนดให้
- Speaking: อันนี้ก็เป็นอีกพาร์ทที่ท้าทายมาก คือการสอบพูดกับ Examiner ตัวเป็นๆ เลยครับ มีสามส่วน ตั้งแต่แนะนำตัว พูดคุยเรื่องทั่วไป จนถึงการพูดในหัวข้อที่จับสลากได้ และตอบคำถามเชิงลึก
ประสบการณ์ตรงกับการสอบ IELTS
การเตรียมตัว: คราวนี้ผมเตรียมตัวหนักกว่าเดิมเยอะมากครับ ไปลงคอร์สเรียน IELTS โดยเฉพาะเลย เพื่อให้เข้าใจรูปแบบข้อสอบและเทคนิคต่างๆ ฝึกเขียนเยอะมาก ฝึกพูดกับเพื่อน กับอาจารย์ พยายามหาบทความภาษาอังกฤษมาอ่านเยอะๆ แล้วก็ฝึกฟังข่าวภาษาอังกฤษทุกวัน
วันสอบจริง: ตื่นเต้นกว่าสอบ TOEIC หลายเท่าครับ โดยเฉพาะพาร์ท Speaking นี่แหละตัวดีเลย นั่งคุยกับ Examiner ตัวต่อตัว โอ๊ยยย ตื่นเต้นจนพูดผิดพูดถูกไปบ้าง แต่ก็พยายามคุมสติแล้วก็พูดออกไปให้ได้มากที่สุด ส่วนพาร์ท Writing ก็ปาดเหงื่อเหมือนกันครับ เวลามันบีบจริงๆ ต้องคิดแล้วก็เขียนออกมาให้ทัน

ผลลัพธ์: คะแนน IELTS ที่ออกมา ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอจะเอาไปยื่นเรียนต่อได้ครับ แต่ก็ไม่ได้สูงลิ่วอะไรมากมาย มันทำให้ผมรู้เลยว่าทักษะการเขียนกับการพูดของผมยังต้องพัฒนาอีกเยอะ
สรุปจากประสบการณ์ส่วนตัว
ถ้าให้ผมสรุปแบบง่ายๆ จากที่เคยลองมาทั้งสองอย่างนะครับ:
TOEIC:
- เน้นวัดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและการทำงานทั่วไป
- ส่วนใหญ่เป็น Listening กับ Reading (แบบ 2 ทักษะ)
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้คะแนนยื่นสมัครงานในบริษัท หรือองค์กรในประเทศหลายๆ แห่ง
- ความยากจะเบากว่า IELTS พอสมควร เน้นความเร็วและความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ
IELTS:
- วัดครบทั้ง 4 ทักษะ: Listening, Reading, Writing, Speaking
- มีความเป็นสากลมากกว่า ใช้ยื่นเรียนต่อต่างประเทศ ย้ายถิ่นฐาน หรือสมัครงานในบริษัทต่างชาติที่ต้องการทักษะภาษาอังกฤษขั้นสูง
- เนื้อหาและคำศัพท์มีความเป็นวิชาการมากกว่า
- ยากกว่าและต้องเตรียมตัวหนักกว่า TOEIC โดยเฉพาะพาร์ท Writing กับ Speaking
สุดท้ายแล้วจะเลือกสอบอันไหน มันก็แล้วแต่เป้าหมายของแต่ละคนเลยครับ ถ้าแค่ต้องการใช้ในไทยทั่วไป TOEIC ก็อาจจะเพียงพอและเตรียมตัวง่ายกว่า แต่ถ้ามองหาโอกาสที่กว้างขึ้น ทั้งเรื่องเรียนต่อ หรือการทำงานในระดับสากล IELTS ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่าครับ
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังตัดสินใจว่าจะสอบอะไรดีนะครับ ลองดูเป้าหมายของตัวเองเป็นหลัก แล้วก็ลุยเลยครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments