เอาล่ะครับทุกคน วันนี้ก็อยากจะมาแชร์ประสบการณ์หรือเรื่องที่ผมไปเจอมาเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นในทวิตเตอร์กันอยู่พักใหญ่เลย คือเรื่องเด็กอายุ 17 ที่เป็นข่าวเนี่ยแหละ
เรื่องของเรื่องคือผมก็ไถทวิตเตอร์ไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนว่างๆ น่ะครับ แล้วก็ไปเจอแฮชแท็กอันนึงที่มันเกี่ยวกับเด็กอายุ 17 คนนี้ คือตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก คิดว่าเป็นเรื่องวัยรุ่นทั่วไป แต่พอเห็นมันขึ้นเทรนด์มาหลายวันติด แถมมีคนพูดถึงเยอะมาก ทั้งในแง่ดีแง่ร้าย ผมก็เลยลองกดเข้าไปดูหน่อย

จุดเริ่มต้นของการตามเรื่อง
พอผมเริ่มกดเข้าไปอ่านตามทวีตต่างๆ ความรู้สึกแรกเลยคือ ตกใจ ครับ ไม่ใช่ตกใจเนื้อหาข่าวนะ แต่ตกใจที่ว่า โอ้โห เรื่องราวมันไปไกลมาก มีการขุดคุ้ยข้อมูลส่วนตัวกันเยอะแยะไปหมด บางอันก็จริงบ้างไม่จริงบ้างปนๆ กันไป ผมนี่นั่งอ่านไปก็คิดไปว่า เฮ้ย สมัยนี้มันน่ากลัวเหมือนกันนะ แค่ปลายนิ้วพิมพ์อะไรลงไปแป๊บเดียว มันกระจายไปทั่วได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ
จากนั้นผมก็เริ่มใช้วิธีของผมเองในการตามเรื่อง คือไม่ได้อ่านแค่ที่เขารีทวีตกันเยอะๆ อย่างเดียว แต่จะพยายามหาต้นตอของเรื่อง หรือหาแอคเคาท์ที่ดูน่าเชื่อถือหน่อย หรือบางทีก็ไปอ่านตามคอมเมนต์ต่างๆ เพื่อดูว่าคนส่วนใหญ่เขามีความคิดเห็นยังไงกันบ้าง
- ขั้นแรก: ผมจะลองเซิร์ชชื่อหรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในทวิตเตอร์เลยครับ แล้วเลือกดูแบบ “ล่าสุด” (Latest) ไม่ใช่แค่ “ยอดนิยม” (Top) เพราะบางทีทวีตยอดนิยมมันก็อาจจะเป็นอันที่คนปั่นกระแสกันเยอะ
- ขั้นสอง: พอเจอทวีตที่น่าสนใจ ผมก็จะเข้าไปดูโปรไฟล์ของคนทวีตด้วยว่าเขามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน เป็นแอคหลุมหรือเปล่า หรือเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงไหม
- ขั้นสาม: ผมจะพยายามอ่านหลายๆ มุมมองครับ คือไม่ได้เชื่อแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง บางทีเรื่องเดียวกันแต่คนเล่าคนละคน มุมมองก็ต่างกันไปแล้ว
- ขั้นสี่: อันนี้สำคัญเลยคือ การพักเบรก ครับ เพราะการตามข่าวแบบนี้มากๆ บางทีมันก็ทำให้เราเครียดหรืออินตามไปได้ง่ายๆ ผมก็จะพยายามวางมือถือบ้าง ไปทำอย่างอื่นบ้าง แล้วค่อยกลับมาดูใหม่
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ (หรือตระหนักได้)
หลังจากตามเรื่องนี้อยู่หลายวัน ผมก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไรที่ชัดเจนหรอกครับว่าใครผิดใครถูก เพราะเราก็เป็นแค่คนนอกที่รับสารมาอีกที แต่สิ่งที่ผมตระหนักได้จากเรื่องนี้มันมีอยู่หลายอย่างเลย
อย่างแรกเลยคือ พลังของโซเชียลมีเดีย นี่มันแรงจริงๆ นะครับ มันสามารถทำให้คนคนหนึ่งกลายเป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืนได้เลย ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี แล้วพอเรื่องมันถูกขยายออกไปมากๆ เนี่ย การจะไปแก้ไขหรืออธิบายอะไรมันก็ยากแล้ว เพราะแต่ละคนก็เลือกจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อไปแล้วส่วนหนึ่ง
อีกอย่างคือเรื่อง การตัดสินคนจากข้อมูลเพียงน้อยนิด อันนี้ผมเห็นเยอะมากในทวิตเตอร์ คือพอมีข่าวอะไรออกมาปุ๊บ ทุกคนก็พร้อมจะพิพากษาไปแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ความจริงทั้งหมดด้วยซ้ำ บางทีอ่านคอมเมนต์แล้วก็รู้สึกว่า โห… ทำไมคนเราใจร้ายกันจังเลยนะ
แล้วที่สำคัญที่สุดที่ผมคิดถึงเลยคือ ผลกระทบต่อตัวเด็กเอง คืออายุ 17 เนี่ย จริงๆ ก็ยังเป็นเยาวชนอยู่เลยนะ การที่ต้องมารับมือกับกระแสสังคมแรงๆ แบบนี้ ผมว่ามันหนักหนาสาหัสเอาการอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะทำผิดจริงหรือไม่จริงก็ตาม แต่สิ่งที่เขาต้องเจอมันอาจจะส่งผลกระทบต่อจิตใจเขาไปอีกนานเลยก็ได้
ผมเองก็ไม่ได้จะมาบอกว่าใครควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไรนะครับ แค่อยากจะแชร์ในมุมของคนที่ตามเรื่องนี้มาเหมือนกันว่า เออ…มันมีหลายแง่มุมให้เราได้คิดจริงๆ นะ การเสพข่าวในโซเชียลทุกวันนี้มันต้องมีสติมากๆ เลย ต้องรู้จักแยกแยะ กรองข้อมูล แล้วก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินอะไรไปง่ายๆ บางทีเรื่องที่เราเห็นมันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดของความจริงก็ได้
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าเรื่องราวต่างๆ มันจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นสำหรับทุกฝ่ายนะครับ ส่วนตัวผมเองก็ได้บทเรียนจากการตามข่าวครั้งนี้ไปไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะครับ
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments