สอบ toeic toefl ielts ต่าง กัน อย่างไร เลือกอันไหนดี
สอบ toeic toefl ielts ต่าง กัน อย่างไร เลือกอันไหนดี
Share:

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเองเลย กับเรื่องที่หลายคนน่าจะเคยสงสัย หรืออาจจะกำลังงงๆ อยู่ ว่าไอ้เจ้าข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยอดฮิตอย่าง TOEIC, TOEFL, แล้วก็ IELTS เนี่ย มันต่างกันยังไงกันแน่

ย้อนกลับไปตอนนั้นเลยนะ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่แบบ มึนตึ้บ! คือได้ยินชื่อพวกนี้มานาน แต่ไม่เคยรู้ลึกรู้จริงสักทีว่าแต่ละอันมันใช้ทำอะไร สอบอะไรบ้าง จนกระทั่งมีช่วงนึงที่ผมเริ่มมองหาลู่ทางใหม่ๆ ในชีวิต ทั้งเรื่องเรียนต่อ ทั้งเรื่องงานที่อาจจะต้องใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ทีนี้แหละครับ ความจำเป็นมันบังคับให้ผมต้องไปขุดคุ้ยข้อมูลอย่างจริงจัง

สอบ toeic toefl ielts ต่าง กัน อย่างไร เลือกอันไหนดี

เริ่มจากศูนย์…สู่การทำความเข้าใจ

ตอนแรกเลย ผมก็เริ่มจากการไปถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เคยสอบมาก่อน บางคนก็บอก “เอ้ย TOEIC ง่ายสุด เน้นฟังกับอ่าน” บางคนก็บอก “ถ้าจะเรียนต่อนอกต้อง TOEFL หรือ IELTS เท่านั้น” ฟังไปฟังมา เอ้า! เริ่มจะจับทางได้บ้างแต่ก็ยังไม่เคลียร์อยู่ดี

ผมก็เลยตัดสินใจว่า งั้นลองหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือดูดีกว่า ก็เริ่มจากเสิร์ชเน็ตนี่แหละครับ อ่านรีวิว อ่านบทความต่างๆ ที่คนเขาเขียนแชร์ประสบการณ์กัน ใช้เวลาอยู่หลายวันเลยครับ กว่าจะเริ่มเห็นภาพรวมของแต่ละตัว

ลงลึกทีละตัว: ประสบการณ์จากการศึกษาข้อมูล

TOEIC (โทอิค)

ไอ้ตัวนี้ พอผมเริ่มศึกษาจริงจังก็ถึงบางอ้อเลยครับว่า อ๋อ… ที่เขาว่าเน้นใช้ในชีวิตประจำวันกับการทำงานมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ข้อสอบมันจะเน้นไปที่การฟังกับการอ่าน เนื้อหาก็จะเป็นพวกสถานการณ์ในออฟฟิศ การประกาศ การประชุม อีเมล อะไรทำนองนั้น คือมันวัดว่าเราสื่อสารภาษาอังกฤษในบริบทการทำงานได้ดีแค่ไหน ตอนนั้นผมก็คิดว่า เออ ถ้าใครอยากจะอัปโปรไฟล์สมัครงานบริษัทที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ หรืออยากเลื่อนตำแหน่งในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับภาษา TOEIC นี่แหละคือคำตอบเลย เพราะมันตรงจุดประสงค์มาก ไม่ได้ยากเว่อร์วังอะไรขนาดนั้นด้วย

TOEFL (โทเฟล)

พอมาถึง TOEFL นี่สิครับ โอ้โห…ความรู้สึกแรกคือ มันดูวิชาการกว่า TOEIC เยอะเลย คือตอนที่ผมรีเสิร์ชเนี่ย ผมเห็นเลยว่ามหาวิทยาลัยในอเมริกา แคนาดา ส่วนใหญ่มากๆ จะใช้คะแนน TOEFL เป็นเกณฑ์ในการรับนักศึกษาต่างชาติ เนื้อหาการสอบมันก็เลยจะหนักไปทาง Academic English คือเป็นภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ มีทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน ครบเลยครับ แล้วศัพท์แสงอะไรต่างๆ ก็จะมีความเป็นทางการสูงกว่ามาก ตอนนั้นผมก็คิดในใจว่า ถ้าใครตั้งเป้าจะไปเรียนต่อปริญญาตรี โท เอก ในโซนอเมริกาเหนือเป็นหลัก ยังไงก็หนีไม่พ้น TOEFL แน่ๆ ต้องเตรียมตัวกันหนักหน่อย

IELTS (ไอเอลส์)

สอบ toeic toefl ielts ต่าง กัน อย่างไร เลือกอันไหนดี

มาถึงตัวสุดท้าย IELTS นี่มันเหมือนเป็นลูกผสมที่น่าสนใจครับ คือมันมีสอบครบทั้ง 4 ทักษะเหมือน TOEFL เลย (ฟัง พูด อ่าน เขียน) แต่ที่ผมค้นพบคือมันมีให้เลือกสอบสองแบบ คือ Academic กับ General Training

  • ตัว Academic ก็จะคล้ายๆ TOEFL คือเน้นภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ส่วนใหญ่ใช้ยื่นมหาวิทยาลัยในอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือบางที่ในยุโรปและอเมริกา (คือมันกว้างกว่า TOEFL ในแง่ของประเทศที่ยอมรับ)
  • ส่วน General Training อันนี้จะเบาลงมาหน่อย เนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน การทำงานทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่อยากจะย้ายถิ่นฐานไปประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก หรือไปเรียนในระดับที่ต่ำกว่าปริญญา หรือไปฝึกอบรมทำงานอะไรแบบนี้

ตอนนั้นผมนั่งเปรียบเทียบอยู่นานเลยครับ ระหว่าง TOEFL กับ IELTS Academic เพราะมันดูใกล้เคียงกัน แต่พอศึกษาลึกลงไปอีกนิด ก็จะเห็นความต่างในรายละเอียดของข้อสอบ เช่น ลักษณะคำถาม การให้คะแนน หรือแม้แต่สำเนียงการพูดในส่วนของการฟัง IELTS จะมีความหลากหลายของสำเนียงมากกว่าหน่อย

แล้วผมเลือกอะไร? หรือได้ข้อสรุปยังไง?

หลังจากที่ใช้เวลาทำความเข้าใจกับแต่ละตัวอยู่นานพอสมควร ผมก็เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นครับว่า จริงๆ แล้วมันไม่มีอันไหนดีที่สุดหรอก แต่มันขึ้นอยู่กับว่า “เราจะเอาคะแนนไปทำอะไร”

ตอนนั้นผมก็มีแผนอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศนิดหน่อย แล้วก็มีอีกช่วงนึงที่คิดจะลองสมัครงานบริษัทต่างชาติ ผมก็เลยต้องลิสต์ออกมาเลยว่าเป้าหมายของผมคืออะไรกันแน่

ถ้าตอนนั้นผมเน้นหางานในไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษ TOEIC ก็คงเป็นตัวเลือกแรกๆ

ถ้าผมมองไปที่การเรียนต่อในอเมริกาแบบเจาะจง TOEFL ก็อาจจะเหมาะกว่า

แต่ถ้าผมมองกว้างๆ ว่าอยากไปเรียนต่อ หรือทำงานในหลายๆ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ (รวมถึงอังกฤษ ออสเตรเลีย) หรืออยากมีตัวเลือกเผื่อไว้ IELTS ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นดี

สอบ toeic toefl ielts ต่าง กัน อย่างไร เลือกอันไหนดี

สุดท้ายแล้ว การที่ผมลงไปศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองอย่างละเอียด ทำให้ผมเข้าใจความแตกต่างของข้อสอบแต่ละประเภท และสามารถตัดสินใจได้ (แม้ว่าสุดท้ายแผนบางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามสถานการณ์ชีวิต ฮ่าๆ) แต่มันก็ทำให้ผมได้ความรู้ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้ครับ

สรุปง่ายๆ จากประสบการณ์ที่ผมไปขุดคุ้ยมานะครับ:

  • TOEIC: เน้นใช้ในชีวิตประจำวัน การทำงานทั่วไปในออฟฟิศ (ฟัง อ่าน)
  • TOEFL iBT: เน้นภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ สำหรับเรียนต่อมหาวิทยาลัย (โดยเฉพาะอเมริกาเหนือ) (ฟัง พูด อ่าน เขียน)
  • IELTS: มีสองแบบ Academic (เรียนต่อ) และ General Training (ย้ายถิ่นฐาน ทำงาน) (ฟัง พูด อ่าน เขียน) ครอบคลุมหลายประเทศ

หวังว่าประสบการณ์ของผมที่มานั่งเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสับสน หรือกำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่นะครับ สำคัญที่สุดคือ ลองถามตัวเองดูก่อนว่าจะเอาคะแนนไปทำอะไร แล้วค่อยเลือกสอบให้ตรงเป้าหมาย จะได้ไม่เสียเงินเสียเวลาฟรีๆ ครับ!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติ สำหรับเด็กและเยาวชนอายุ 3 ถึง 18 ปีโดยเฉพาะ

เราจะมอบคาบเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติให้คุณฟรี 1 คาบ พร้อมแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

This field is required.
This field is required.
กรุณากรอกข้อความของคุณที่นี่ โปรดให้สั้นและชัดเจน
ช่องทางการติดต่อที่ต้องการ
คุณต้องการให้เราติดต่อคุณอย่างไร?