จุดเริ่มต้นของการตามล่าหาแบบฝึกหัด
เรื่องมันเริ่มจาก…ลูกชายตัวดีของผมนี่แหละครับ ใกล้จะเข้าอนุบาลแล้ว แต่ภาษาอังกฤษนี่คือ…นิ่งสนิท! พ่อมันก็กุมขมับสิครับทีนี้ จะปล่อยไว้แบบนี้ก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะตามเพื่อนไม่ทันเอา เลยต้องเริ่มภารกิจตามหาแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษสำหรับเด็กอนุบาลกันยกใหญ่
ตะลุยร้านหนังสือ ส่องโลกออนไลน์
ตอนแรกเลยนะ ผมก็ดิ่งไปร้านหนังสือเลย คิดว่าเออ…ไปเลือกๆ หยิบๆ ก็น่าจะได้เรื่อง แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละ โอ้โห! ราคาแต่ละเล่มนี่ทำเอาเหงื่อตกเหมือนกันนะ บางเล่มก็ดีไซน์สวยงามน่ารักเชียว แต่เนื้อหาข้างในดันไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ บางเล่มภาพประกอบน้อยไปหน่อย บางเล่มก็มีแต่ตัวหนังสือเยอะแยะไปหมด เด็กเล็กๆ เห็นแล้วคงเบือนหน้าหนี

ผมก็เลยลองเปลี่ยนแผน ไปตะลุยหาในโลกออนไลน์ดูบ้าง พิมพ์คำว่า “แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษอนุบาล” เข้าไปเท่านั้นแหละ ขึ้นมาพรึ่บ! เยอะมากกกก มีทั้งแบบฟรี แบบเสียเงิน แบบเป็นไฟล์ PDF ให้ปริ้นท์เองได้ สะดวกไปอีกแบบ
- ข้อดีของออนไลน์คือ มีให้เลือกเยอะมากจริงๆ ครับ
- แต่ข้อเสียก็มีนะ บางทีคุณภาพมันก็ไม่ค่อยโอเค รูปไม่ชัดบ้าง เนื้อหายากไปสำหรับเด็กอนุบาลบ้าง ต้องเลือกดีๆ หน่อย
ลองผิดลองถูก จนเจอที่ใช่!
หลังจากที่ลองโหลดมาดูหลายๆ แบบ ทั้งฟรีทั้งเสียตังค์ (นิดหน่อย) ผมก็เริ่มจับทางได้ว่าแบบฝึกหัดแบบไหนที่ลูกเราน่าจะชอบ แล้วก็ได้ผลจริงๆ คือมันต้อง:
- รูปภาพต้องใหญ่ สีสันสดใส: ดึงดูดความสนใจเด็กได้ดีเลยครับ แต่ก็อย่าให้สีมันจัดจ้านจนแสบตานะ
- ตัวอักษรต้องชัดเจน อ่านง่าย: เด็กจะได้ไม่งง ไม่ตาลาย
- เนื้อหาใกล้ตัว: พวกคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ สิ่งของในบ้าน สีผลไม้ อะไรพวกนี้ เด็กจะเรียนรู้ได้เร็วกว่า
- มีกิจกรรมหลากหลาย: ไม่ใช่แค่เขียนตามรอยอย่างเดียว ต้องมีลากเส้นจับคู่ ระบายสี ตัดแปะบ้าง เด็กจะได้ไม่เบื่อ
- ไม่ยากจนเกินไป: เน้นให้เด็กสนุกและมั่นใจ อย่าเพิ่งอัดเนื้อหาที่มันซับซ้อน
ผมเจอบางอันนะ เป็นแบบฝึกหัดจากต่างประเทศเลย ภาพสวยมาก แต่คำศัพท์บางคำมันก็ไกลตัวเด็กไทยไปหน่อย ก็ต้องเอามาปรับๆ เอา
วิธีของผมในการใช้แบบฝึกหัด
พอได้แบบฝึกหัดที่คิดว่าโอเคแล้ว ผมก็ไม่ได้ให้ลูกทำรวดเดียวจบวันละหลายๆ แผ่นนะ สงสารเด็กมัน หัวจะระเบิดเอา! ผมจะทำประมาณนี้ครับ:
- ค่อยเป็นค่อยไปครับ: วันละ 1-2 แผ่นก็พอแล้ว เน้นความสม่ำเสมอ ไม่ใช่ปริมาณ
- ทำให้มันสนุก: ไม่ใช่บังคับให้ทำเหมือนเป็นการบ้าน ชวนคุย ชวนเล่นไปด้วยระหว่างทำ “ดูสิ นี่ตัวอะไรเอ่ย?” “สีนี้สวยไหม?”
- เทคนิคส่วนตัวคือปริ้นท์แล้วเคลือบ: อันนี้เวิร์คมาก ผมปริ้นท์สีออกมาแล้วเอาไปเคลือบพลาสติก ใช้ปากกาไวท์บอร์ดเขียนแล้วลบได้ ใช้ซ้ำได้หลายรอบ ประหยัดกระดาษ ประหยัดหมึกไปเยอะเลย
- ชมเชย ให้กำลังใจสำคัญสุด: เวลาลูกทำได้ แม้จะนิดๆ หน่อยๆ ก็ต้องชมครับ “เก่งมากเลยลูก!” เด็กมีกำลังใจขึ้นเยอะ
บางทีก็เปิดเพลงภาษาอังกฤษเด็กๆ คลอไปด้วยเบาๆ สร้างบรรยากาศไปอีกแบบ
ผลลัพธ์ที่ได้ (และความจริงที่ต้องยอมรับ)
หลังจากที่ลองทำแบบนี้มาสักพัก ก็เห็นพัฒนาการของลูกนะ เริ่มจำตัวอักษร A B C ได้บ้างแล้ว คำศัพท์ง่ายๆ บางคำก็เริ่มพูดตามได้ เช่น apple, cat, dog อะไรพวกนี้ พ่อมันก็ชื่นใจสิครับ น้ำตาแทบไหล! (อันนี้เว่อร์ไปนิด ฮ่าๆ)
แต่ก็ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันจริงๆ บางคนอาจจะชอบเรียนรู้ผ่านแบบฝึกหัดแบบนี้ แต่บางคนอาจจะชอบเรียนรู้ผ่านการเล่น หรือการ์ตูนมากกว่า เราก็ต้องสังเกตลูกเรา แล้วก็ปรับวิธีการสอนไปตามนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว

สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ว่าเรามีแบบฝึกหัดที่ดีที่สุด หรือแพงที่สุด แต่คือการที่เราใส่ใจ มีเวลาให้ลูก สอนเขาด้วยความเข้าใจและความรัก ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แบบฝึกหัดมันเป็นแค่เครื่องมือเสริมเท่านั้นเองครับ นี่แหละประสบการณ์ตรงจากบ้านผมเลย ใครกำลังมองหาแนวทางอยู่ก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะครับ ไม่หวงๆ
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments