สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ของผมเองเลย กับการพยายามสอนภาษาอังกฤษให้ลูกชายตัวแสบที่บ้าน เรื่องมันเริ่มมาจากความตั้งใจดีของเรานี่แหละครับ อยากให้ลูกได้ภาษาติดตัวไปบ้างในอนาคต แต่เอาเข้าจริง มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยนะ
ตอนแรกเลยนะ ผมก็เหมือนพ่อแม่มือใหม่ทั่วไปแหละครับ ไปกว้านซื้อหนังสือ บัตรคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาเต็มบ้าน กะว่าเอาล่ะ! ลูกฉันต้องเก่งแน่ๆ จัดแจงเอาบัตรคำมาโชว์ ชี้ๆ อ่านๆ “This is an apple.” “This is a dog.” ลูกชายมองหน้าผมแป๊บนึง แล้วก็คลานหนีไปเล่นอย่างอื่นซะงั้น เอ้า! ไม่เป็นไร ลองใหม่

ทีนี้ผมลองเปลี่ยนเป็นเปิดเพลงภาษาอังกฤษให้ฟังบ้าง พวกเพลงเด็กอนุบาลสนุกๆ กะว่าให้มันซึมซับไปเอง เปิดคลอทั้งวันเลยครับ ผลคือ ลูกก็ยังคงเล่นของเขาไป ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจหรือร้องตามอะไรเลย บางทีก็ทำหน้างงๆ ด้วยซ้ำไป ผมเริ่มท้อใจนิดๆ ละ
ยังไม่ยอมแพ้ครับ ไปเจอคนแนะนำว่าให้ลองใช้แอปพลิเคชันสอนภาษาสำหรับเด็ก ผมก็ไปโหลดมาหลายแอปเลยนะ ทั้งแบบฟรี แบบเสียเงินนิดหน่อย ลูกก็ดูตื่นเต้นดีตอนแรกๆ กดๆ จิ้มๆ เล่นเกมในแอปไป แต่พอผ่านไปสักพัก ความสนใจก็ลดลง เริ่มเบื่อ ไม่อยากเล่นแล้ว ผมก็คิดในใจ “เอ๊ะ หรือวิธีเรามันผิดตรงไหนวะเนี่ย”
มีช่วงนึงที่ผมเริ่มจริงจังขึ้นไปอีกขั้น คือพยายามจะสอนเป็นประโยคสั้นๆ ง่ายๆ หรือแม้กระทั่งแกรมมาร์เบื้องต้นนิดหน่อย เช่นการใช้ is am are โอ้โห… บอกเลยว่าบ้านแทบแตกครับ ลูกไม่เอาเลย งอแง ร้องไห้ ผมก็เริ่มหงุดหงิด กลายเป็นว่าบรรยากาศในบ้านมาคุไปหมด จากที่อยากให้ลูกสนุก กลายเป็นบังคับกันซะงั้น ทะเลาะกันก็มีบ้างครับ ผมนี่เครียดเลย
จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเหมือนค้นพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (ว่าไปนั่น ฮ่าๆ) คือผมสังเกตว่าลูกชอบดูการ์ตูนมาก ดูได้ทั้งวัน ผมเลยลองเปลี่ยนจากการ์ตูนพากย์ไทย มาเป็นการ์ตูนภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ ที่มีภาพเยอะๆ คำพูดไม่ซับซ้อน บางเรื่องมีซับไตเติลภาษาไทย บางเรื่องก็ไม่มีเลย
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ลูกชายผมดูสนุกมากครับ! เขาไม่ได้เข้าใจทุกคำหรอกนะ แต่เขาดูจากภาพ จากท่าทางของตัวการ์ตูน แล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตาม บางทีก็ชี้ไปที่จอแล้วหันมาถามผมเป็นภาษาไทยว่า “พ่อ อันนี้อะไร” ผมก็จะบอกเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ แล้วก็อาจจะแปลไทยให้บ้างนิดหน่อย
ผมเลยได้ไอเดียว่า “เออว่ะ! เราต้องเริ่มจากสิ่งที่เขาสนใจนี่หว่า”
จากนั้น ผมก็ปรับแผนใหม่หมดเลยครับ เลิกยัดเยียด เลิกบังคับ เลิกคาดหวังว่าลูกต้องพูดได้เป็นประโยคเป๊ะๆ ทันทีทันใด ผมเริ่มทำตามนี้ครับ:

- ดูการ์ตูนภาษาอังกฤษด้วยกัน: เลือกเรื่องที่ภาพสวย สีสันสดใส เนื้อเรื่องง่ายๆ นั่งดูเป็นเพื่อนเขา ชี้ชวนคุยบ้างเป็นภาษาไทยปนอังกฤษ
- อ่านนิทานภาษาอังกฤษก่อนนอน: เลือกเล่มที่มีภาพประกอบใหญ่ๆ ชัดๆ อ่านไปก็ชี้ภาพไป พูดคำศัพท์ง่ายๆ ที่เกี่ยวกับภาพนั้น ไม่ต้องแปลทุกคำ เอาแค่ให้เขาคุ้นเคยกับเสียง
- ร้องเพลงภาษาอังกฤษแบบเด็กๆ: เปิดเพลงแล้วก็ชวนเขาร้อง ชวนเขาเต้นตาม ทำท่าทางประกอบเพลง สนุกกันไปเลยครับ ไม่ต้องสนว่าร้องถูกร้องผิด
- เล่นของเล่นแล้วพูดคำศัพท์: เวลาเล่นตัวต่อ เล่นรถ เล่นตุ๊กตาสัตว์ ก็ลองเรียกชื่อสิ่งของเหล่านั้นเป็นภาษาอังกฤษบ้าง เช่น “Let’s play with the car.” “This is a blue block.”
- ใช้ในชีวิตประจำวันแบบไม่ตั้งใจ: อันนี้สำคัญมาก ผมพยายามแทรกคำศัพท์ง่ายๆ เข้าไปในบทสนทนาปกติ เช่น เวลาจะกินข้าว ก็อาจจะพูดว่า “Are you hungry?” หรือ “Let’s eat.” ไม่ต้องกลัวผิดแกรมมาร์ครับ พูดไปเลย ไทยคำอังกฤษคำก็ยังดี
- ไม่กดดัน ไม่ทดสอบ: อันนี้เน้นย้ำเลยครับ ผมเลิกถามแบบ “อันนี้เรียกว่าอะไร” “แปลว่าอะไร” ไปเลย เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนสอบ แล้วจะพาลไม่อยากพูดไปซะเปล่าๆ
ผลลัพธ์ที่ได้มันค่อยๆ ดีขึ้นจริงๆ ครับ ลูกชายผมเลิกต่อต้านภาษาอังกฤษ เขาเริ่มสนุกกับการดูการ์ตูนภาษาอังกฤษมากขึ้น เริ่มมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลุดออกมาจากปากเองบ้างเป็นคำๆ เช่น “apple” “dog” “car” “blue” “thank you” แม้จะยังไม่เป็นประโยคยาวๆ แต่ผมก็ดีใจมากแล้วครับที่เห็นเขากล้าพูดออกมา
ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า การสอนภาษาให้เด็กเล็กๆ มันไม่ใช่การ “สอน” แบบที่เราไปโรงเรียน แต่มันคือการ “สร้างสภาพแวดล้อม” ให้เขาคุ้นเคยและซึมซับไปเองอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้มันเป็นเรื่องสนุก ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหรือน่ากลัว
ก็เป็นประสบการณ์ตรงของผมที่อยากเอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ ใครที่กำลังเจอปัญหาคล้ายๆ กันอยู่ ลองเอาวิธีบ้านๆ ของผมไปปรับใช้ดูได้ ไม่ต้องเป๊ะตามตำราเสมอไปหรอกครับ เอาที่เรากับลูกมีความสุขที่จะทำมันก็พอแล้วครับ
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments