สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ของผมเลยกับการเอาเพลงมาใช้สอนภาษาอังกฤษเด็กๆ ที่ผมทำมาเรื่อยๆ นะครับ เอาจริงๆ ตอนแรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนเลย แค่อยากให้ห้องเรียนมันสนุกขึ้นแค่นั้นเอง

จุดเริ่มต้นง่ายๆ และการลองผิดลองถูก

จำได้เลยว่าช่วงแรกที่ผมเริ่มสอนภาษาอังกฤษใหม่ๆ เนี่ย บรรยากาศในห้องมันก็จะตึงๆ หน่อย เด็กๆ ก็ดูเกร็งๆ เวลาต้องพูดภาษาอังกฤษ ผมก็เลยคิดว่า เอ๊ะ! ทำยังไงดีให้มันผ่อนคลายขึ้น ก็นึกถึงเพลงนี่แหละ เพราะใครๆ ก็ชอบฟังเพลงใช่ไหมล่ะ

ผมก็เริ่มง่ายๆ เลยครับ ไปหาเพลงเด็กภาษาอังกฤษง่ายๆ มาเปิดให้ฟัง พวกเพลงตัวอักษร ABC เพลงนับเลข เพลงเกี่ยวกับสัตว์อะไรแบบนี้ ตอนแรกก็แค่เปิดให้ฟังเฉยๆ นะ เด็กๆ ก็ดูชอบกันนะ โยกหัวตามกันใหญ่ แต่ผมก็รู้สึกว่ามันยังไม่ได้อะไรมากไปกว่าความสนุกชั่วครู่

หลังจากนั้นผมก็เริ่มคิดแล้วว่า เอ้อ จะทำยังไงให้เพลงมันเป็นมากกว่าแค่เพลงเปิดคลอๆ ผมก็เลยเริ่มมองหาเพลงที่มีเนื้อหาที่เราอยากจะสอนพอดี เช่น คำศัพท์เกี่ยวกับครอบครัว คำศัพท์เกี่ยวกับอาหาร หรือแม้แต่โครงสร้างประโยคง่ายๆ

ขั้นตอนที่ฉันทำเป็นประจำ (หลังจากลองมาเยอะ)

พอเริ่มจริงจังขึ้น ผมก็มีขั้นตอนที่ทำบ่อยๆ ประมาณนี้ครับ:

• เลือกเพลง: อันนี้สำคัญมาก ผมจะเลือกเพลงที่มันไม่ยากเกินไปสำหรับระดับของเด็กๆ เนื้อร้องชัดเจน ทำนองติดหู แล้วก็ต้องดูเนื้อหาด้วยนะว่ามันเหมาะสมไหม บางทีเพลงฮิตๆ ผู้ใหญ่ชอบ เด็กอาจจะยังไม่เก็ท หรือเนื้อหามันอาจจะไม่เหมาะ ผมเคยพลาดเลือกเพลงเร็วไป เด็กงงเป็นไก่ตาแตกเลยก็มี (ฮา)
• เตรียมตัวก่อนสอน: ก่อนจะเอาเพลงไปเปิดให้เด็กฟัง ผมจะฟังเองหลายๆ รอบก่อนเลย ทำความเข้าใจเนื้อเพลง ดูว่ามีคำศัพท์ไหนน่าสนใจบ้าง มีไวยากรณ์อะไรที่เราจะหยิบมาสอนได้บ้าง แล้วก็เตรียมกิจกรรมง่ายๆ ไว้ด้วย
• เริ่มจากฟังเฉยๆ: รอบแรก ผมจะให้เด็กๆ ฟังเพลงเฉยๆ ก่อนเลยครับ ให้พวกเค้าได้จับทำนอง จับจังหวะ ไม่ต้องไปกดดันอะไรมาก
• สอนคำศัพท์/วลีสำคัญ: หลังจากนั้น ผมจะดึงเอาคำศัพท์หรือวลีเด่นๆ ในเพลงออกมาสอนก่อน อาจจะใช้รูปภาพประกอบ หรือทำท่าทางให้เด็กๆ เดาความหมาย
• กิจกรรมระหว่างฟัง: อันนี้แหละคือหัวใจสำคัญเลย ผมจะหากิจกรรมมาให้เด็กทำระหว่างฟังเพลง เช่น
  • เติมคำในช่องว่าง (Gap filling): ผมจะพิมพ์เนื้อเพลงออกมา แล้วเว้นช่องว่างคำง่ายๆ ไว้ให้เด็กๆ ช่วยกันฟังแล้วเติม
  • เรียงลำดับเนื้อเพลง (Ordering lines): ตัดเนื้อเพลงเป็นท่อนๆ แล้วให้เด็กๆ ช่วยกันเรียงให้ถูกต้องหลังจากฟังเพลง
  • ทำท่าทางตามเพลง (Actions): ถ้าเพลงมันมีท่าเต้นง่ายๆ หรือเราคิดท่าประกอบได้ ก็จะชวนเด็กๆ ทำตาม สนุกดีครับ ได้ขยับร่างกายด้วย
  • วาดรูปจากเพลง: บางทีก็ให้เด็กๆ ฟังเพลงแล้ววาดรูปตามจินตนาการที่ได้จากเพลงนั้นๆ
• ร้องเพลงด้วยกัน: พอเริ่มคุ้นเคยกับเพลงแล้ว ก็ชวนกันร้องดังๆ เลยครับ บรรยากาศจะครึกครื้นมาก เด็กๆ จะกล้าออกเสียงมากขึ้นแบบไม่รู้ตัวเลยนะ
• ต่อยอดหลังเพลงจบ: บางทีผมก็จะมีคำถามง่ายๆ เกี่ยวกับเนื้อเพลง หรือชวนคุยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเพลงนั้นๆ เช่น ถ้าเพลงเกี่ยวกับสัตว์ ก็อาจจะถามว่าชอบสัตว์อะไรกันบ้าง

ผลลัพธ์ที่เห็นชัดๆ

สิ่งที่ผมสังเกตเห็นได้ชัดเจนเลยนะ ตั้งแต่เริ่มเอาเพลงมาใช้ในห้องเรียนอย่างสม่ำเสมอคือ:

• เด็กๆ สนุกขึ้น: อันนี้แน่นอนที่สุด จากที่เคยนั่งเงียบๆ ก็กล้าที่จะขยับปาก กล้าร้องตาม ถึงจะผิดๆ ถูกๆ บ้างก็ไม่เป็นไร
• จำศัพท์ได้ดีขึ้น: คำศัพท์ที่มันอยู่ในเพลงเนี่ย เด็กๆ จะจำได้แม่นกว่าที่เราสอนแบบท่องจำเฉยๆ เยอะเลย เพราะมันมีทำนอง มีจังหวะช่วยจำ
• คุ้นเคยกับสำเนียง: การฟังเพลงบ่อยๆ ทำให้เด็กได้ยินสำเนียงเจ้าของภาษาจริงๆ ซึ่งมันดีมากๆ
• ลดความเครียดในการเรียน: ผมว่าอันนี้สำคัญนะ พอเรียนแบบไม่เครียด เด็กๆ ก็จะเปิดใจรับความรู้ได้มากขึ้น

เอาจริงๆ นะครับ การใช้เพลงเนี่ย มันไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอก ผมเองก็ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ ตามความสนใจของเด็กๆ ในแต่ละห้อง แต่จากที่ทำมา ผมว่ามันเป็นเครื่องมือที่เวิร์คมากๆ เลยนะ ใครที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่คุณพ่อคุณแม่ที่อยากสอนลูกๆ เอง ลองเอาวิธีนี้ไปปรับใช้ดูนะครับ ไม่ต้องกลัวผิดกลัวถูก ขอแค่ให้เด็กๆ ได้สนุกกับการเรียนรู้ก็พอแล้วครับ!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ