สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเลยครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า ลูกผมเนี่ยเริ่มเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียน แล้วเราเป็นพ่อเป็นแม่ก็อยากจะรู้ใช่ไหมครับว่าลูกเราเป็นยังไงบ้าง เรียนทันเพื่อนไหม สนุกกับมันหรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละครับ ไม่ค่อยมีข้อมูลอะไรส่งมาถึงเราเลย ใบรายงานผลก็มาเป็นเทอมๆ ไป ซึ่งมันก็นานไปหน่อยสำหรับผม
ตอนแรกๆ ผมก็คิดนะ ว่าจะรอประชุมผู้ปกครองดีไหม หรือจะเขียนโน้ตฝากลูกไปให้ครูดี แต่ใจมันก็ร้อนรนครับ อยากรู้ให้มันชัดๆ ไปเลย ผมเลยตัดสินใจว่า เอาวะ! ต้องเข้าไปคุยกับครูสอนภาษาอังกฤษของแกโดยตรงนี่แหละ เผื่อจะได้รู้อะไรมากขึ้น แล้วก็จะได้ช่วยซัพพอร์ตลูกถูกทางด้วย
ขั้นตอนการเตรียมตัว (นิดหน่อย) และลงมือจริง
ก่อนจะไปเจอครู ผมก็ทำการบ้านนิดหน่อยครับ ไม่ได้เตรียมสคริปต์อะไรหรอกนะ แค่คิดๆ ไว้ในหัวว่าจะถามอะไรบ้าง หลักๆ ก็คือ:
- ภาพรวมการเรียนของลูกเป็นยังไงบ้าง
- น้องมีส่วนร่วมในห้องเรียนมากน้อยแค่ไหน
- มีอะไรที่น้องทำได้ดี หรือมีอะไรที่ต้องปรับปรุงเป็นพิเศษไหม
- แล้วผมจะช่วยสอนหรือเสริมอะไรให้น้องที่บ้านได้บ้าง
พอถึงวันนัด (ผมโทรไปนัดล่วงหน้านะครับ ให้เกียรติเวลาของคุณครูเขา) ผมก็เข้าไปคุยเลยครับ ตอนแรกก็แอบเกร็งๆ นิดหน่อยนะ ไม่รู้ครูเขาจะดุไหม (ฮ่าๆ) แต่ผิดคาดครับ คุณครูใจดีมาก รับฟังแล้วก็ให้ข้อมูลได้ละเอียดสุดๆ
สิ่งที่ผมได้จากการคุยครั้งนั้นมันดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ ครูเล่าให้ฟังถึงพฤติกรรมลูกในห้องเรียน บอกว่าลูกผมกล้าแสดงออกดี แต่บางทีก็ยังเขินๆ เวลาต้องพูดประโยคยาวๆ ครูเขาก็แนะนำเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ มาให้ผมลองเอาไปใช้ที่บ้าน เช่น ชวนลูกดูการ์ตูนภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ หรือหาเกมคำศัพท์มาเล่นด้วยกัน
ครูยังบอกอีกว่า จริงๆ แล้วที่โรงเรียนมีกิจกรรมเสริมทักษะภาษาอังกฤษอยู่เรื่อยๆ นะ แต่บางทีข่าวสารอาจจะตกหล่นไปบ้าง พอได้คุยกันตรงๆ แบบนี้ ผมถึงได้รู้ว่ามีช่องทางไหนบ้างที่เราจะติดตามข่าวสารของโรงเรียนได้อีก นอกจากแค่รอจดหมายอย่างเดียว
ผลลัพธ์ที่ได้และความรู้สึกหลังปฏิบัติการ
หลังจากได้คุยกับครูวันนั้น ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะเลยครับ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าลูกเราไม่ได้มีปัญหาอะไรน่ากังวล แล้วก็ได้แนวทางที่ชัดเจนขึ้นว่าจะช่วยลูกยังไงต่อ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับครูก็ดีขึ้นด้วยนะครับ เหมือนเราได้เปิดใจคุยกัน ทำให้ครูเขาก็เข้าใจเราในฐานะผู้ปกครองมากขึ้น ผมว่ามันสำคัญมากเลยนะ การที่เรากับครูมองไปในทิศทางเดียวกันเพื่อลูก
ตอนนี้ผมก็พยายามเอาคำแนะนำของครูมาปรับใช้ที่บ้านครับ ชวนลูกคุยภาษาอังกฤษคำง่ายๆ บ้าง หาหนังสือนิทานสองภาษามาอ่านด้วยกันบ้าง ลูกก็ดูสนุกขึ้นนะเวลาเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ได้รู้สึกว่าโดนบังคับเหมือนเมื่อก่อน
สรุปแล้ว การลุกขึ้นมาสื่อสารกับครูโดยตรงเนี่ย สำหรับผมมันเวิร์คมากครับ ใครที่กำลังลังเลอยู่ ผมแนะนำเลยนะ ลองดูครับ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกร็ง เพื่อลูกเราแล้ว ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments