คำศัพท์ในภาษาอังกฤษมีหลากหลายประเภท บางคำมีรากศัพท์มาจากภาษาอื่น บางคำเกิดจากการรวมคำศัพท์หลายคำเข้าด้วยกัน ซึ่งคำศัพท์ประเภทหนึ่งที่พบเจอได้บ่อยคือคำศัพท์ที่มี Prefix Suffix รวมอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับรากศัพท์เดิมแล้วจะทำให้ความหมายของคำนั้นเปลี่ยนไป Prefix และ Suffix เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษทุกคนควรรู้จักและทำความเข้าใจ มารู้จัก Prefix Suffix ให้มากขึ้น พร้อมกับตัวอย่างและหลักการใช้ที่ถูกต้องกัน
Prefix Suffix คืออะไร หน่วยคำ Affix ที่ต้องรู้
ก่อนที่จะไปรู้จัก Prefix Suffix เราต้องเข้าใจองค์ประกอบของคำศัพท์ภาษาอังกฤษก่อนว่าคำ 1 คำจะประกอบด้วยคำหลัก (Root word) และหน่วยคำ (Affix) ซึ่งเป็นคำเล็ก ๆ ที่เติมเข้าไปในคำหลักเพื่อเปลี่ยนความหมายของคำนั้น ๆ

หน่วยคำหรือ Affix แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Prefix และ Suffix โดย Prefix คือหน่วยคำที่เติม “หน้าคำหลัก” ส่วน Suffix คือหน่วยคำที่เติม “ท้ายคำหลัก” ทั้งสองชนิดไม่สามารถใช้แยกเดี่ยว ๆ ได้ต้องใช้ร่วมกับคำหลักเสมอ
ทั้ง Suffix และ Prefix มีความสำคัญต่อการเรียน Grammar และการเรียนเขียนภาษาอังกฤษ เนื่องจากเป็นเรื่องพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ การแต่งประโยค รวมถึงการเขียนที่จำเป็นต่อการเรียน การสอบวัดระดับภาษา และการทำงาน นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่ขยายคลังคำศัพท์ เพิ่มความเข้าใจเชิงโครงสร้าง ช่วยให้การเรียนภาษาอังกฤษมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Prefix คืออะไร
Prefix คือหน่วยคำเล็ก ๆ ที่เติมด้านหน้าของคำหลักแล้วทำให้ความหมายเปลี่ยนไป
ตัวอย่าง Prefix
- extra แปลว่า เหนือกว่า
ตัวอย่างคำศัพท์: extraordinary (เหนือธรรมดา, พิเศษ), extravagant (ฟุ่มเฟือย / เกินความจำเป็น), extracurricular (นอกหลักสูตร) - un แปลว่า ไม่ / ปฏิเสธ
ตัวอย่างคำศัพท์: unhappy (ไม่มีความสุข), uncomfortable (ไม่สบาย / อึดอัด), unfriendly (ไม่เป็นมิตร) - inter แปลว่า ระหว่าง
ตัวอย่างคำศัพท์: international (ระหว่างประเทศ) และ interview (การสัมภาษณ์ระหว่างคนสองฝ่าย, interpersonal (ระหว่างบุคคล)
คำศัพท์และหลักการใช้ Prefix
1. Prefix บอกจำนวน
Prefix ที่มีบอกจำนวนความหมายในเชิงบอกจำนวน สังเกตได้จากคำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย uni, mono, bi, du, tri, quart, penta, poly, multi
ตัวอย่างคำศัพท์
- uni + body = unibody (ชิ้นเดียว, ตัวเดียว)
- mono + rail = monorail (รถไฟรางเดี่ยว)
- bi + lingual = bilingual (สองภาษา)
- tri + angle = triangle (สามเหลี่ยม)
- multi + color = multicolor (หลายสี)
- multi + task = multitask (ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน)
2. Prefix บอกขนาด
Prefix ที่มีความหมายเชิงบอกขนาด สังเกตได้จากคำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย hyper, over, extra, mini, micro, mega, ultra
ตัวอย่างคำศัพท์
- hyper + market = hypermarket (ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่)
- over + load = overload (มากเกินรับได้)
- extra + ordinary = extraordinary (เหนือธรรมดา, พิเศษ)
- mini + mart = minimart (ร้านค้าขนาดเล็ก)
- micro + scope = microscope (กล้องจุลทรรศน์)
3. Prefix บอกคำเชิงปฏิเสธ

Prefix ที่มีความหมายเชิงปฏิเสธ สังเกตได้จากคำศัพท์คำที่ขึ้นด้วย a, un, dis, mis, non, in, im, il, ir ซึ่ง Prefix เหล่านี้มีความหมายว่า ไม่, ผิด, ปราศจาก
ตัวอย่างคำศัพท์
- in + convenience = inconvenience (ความไม่สะดวก)
- un + comfortable = uncomfortable (ความไม่สบาย, อึดอัด)
- ir + resistible = irresistible (ไม่อาจต้านทานได้)
- dis + agree = disagree (ไม่เห็นด้วย)
- im + possible = impossible (เป็นไปไม่ได้)
4. Prefix บอกตำแหน่ง เวลา และลำดับ
Prefix กลุ่มที่มีความหมายเชิงบอกตำแหน่ง เวลา และลำดับ สังเกตได้จากคำศัพท์คำที่ขึ้นด้วย pre, fore, inter, mid, post, re, sub
ตัวอย่างคำศัพท์
- pre + order = preorder (สั่งของล่วงหน้า)
- inter + national = international (ระหว่างประเทศ)
- mid + night = midnight (เที่ยงคืน)
- re + cycle = recycle (นำมาใช้ซ้ำ)
- sub + title = subtitle (ตัวอักษรที่อยู่ด้านล่าง)
5. Prefix อื่น ๆ
นอกจาก Prefix ทั้ง 4 กลุ่มข้างต้นแล้ว ยังมี Prefix อื่น ๆ ที่พบเห็นได้บ่อย เช่น

- mal แปลว่า ผิดปกติ, ไม่ดี ตัวอย่างคำศัพท์ malfunction = mal + function ความหมายของคำนี้คือ ทำงานผิดปกติ
- auto แปลว่า ด้วยตนเอง, ตนเอง ตัวอย่างคำศัพท์ autopilot = auto + pilot ความหมายของคำนี้คือ ระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
- co แปลว่า ร่วมกัน, ด้วยกัน ตัวอย่างคำศัพท์ cooperate = co + operate ความหมายของคำนี้คือ ทำงานร่วมกัน
- pseudo แปลว่า เทียม, ปลอม ตัวอย่างคำศัพท์ pseudocode = pseudo + code ความหมายของคำนี้คือ รหัสปลอม
กฎการใช้ Prefix
- ไม่เปลี่ยนการสะกดของคำเดิม: คำหลักต้องคงรูปเดิมเสมอ และควรปฏิบัติตามกฎนี้ทุกครั้งแม้ตัวอักษะจะซ้ำกันก็ตาม เช่น
- disappear (dis + appear)
- unhappy (un + happy)
- undo (un + do)
- การใช้ขีด (-): เมื่อต้องการใช้ Prefix นำหน้าคำนามเฉพาะ (Proper Noun) หรือคำที่ต้องการเน้น สามารถใช้ขีด (-) เพื่อเพิ่มความชัดเจนในการอ่านและความหมายได้ เช่น
- self-esteem (นับถือตัวเอง)
- ex-husband (อดีตสามี)
- ใช้ขีด (-) ช่วยป้องกันความสับสน: สามารถใช้ขีด (-) เพื่อป้องกันการอ่านออกเสียงแบบผิด ๆ หรือสร้างความสับสนกับคำอื่น ๆ ได้ เช่น
- re-cover (คลุมอีกครั้ง) ควรใส่ขีดเพื่อไม่ให้สับสนกับ recover (กู้คืน/ฟื้นตัว) ที่มีความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง
ข้อควรระวังในการใช้ Prefix
การใช้ Prefix มีข้อควรระวังที่ต้องสังเกตให้ดี ๆ เนื่องจากบางคำศัพท์ดูเผิน ๆ เหมือนมีการใช้ Prefix นำหน้าแต่ความจริงแล้วไม่ใช่ Prefix ตัวอย่างเช่น
- alike แปลว่า เหมือนกัน คำนี้ไม่ได้มาจาก a + like และไม่ได้มีความหมายเชิงปฏิเสธแต่อย่างใด
- invoke แปลว่า วิงวอน, ร้องขอ, อ้อนวอน คำนี้ไม่ได้มาจาก in + voke และไม่ได้มีความหมายเชิงปฏิเสธเช่นกัน
ประโยชน์ของการรู้ Prefix
การรู้ Prefix (คำอุปสรรค) มีประโยชน์อย่างมากในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจคำศัพท์ใหม่ ๆ และการสร้างคำศัพท์ที่ซับซ้อนขึ้น ประโยชน์หลัก ๆ มีดังนี้

- ช่วยให้เดาความหมายของคำศัพท์ใหม่ได้ง่ายขึ้น Prefix เป็นส่วนหนึ่งของคำที่อยู่ด้านหน้าและมีความหมายเฉพาะตัว เมื่อเราเข้าใจความหมายของ Prefix เราจะสามารถเดาความหมายโดยรวมของคำศัพท์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้ เช่น
- “un-“ หมายถึง “ไม่” หรือ “ตรงกันข้าม” (เช่น unhappy = ไม่มีความสุข, undo = ยกเลิก)
- “re-“ หมายถึง “อีกครั้ง” หรือ “ย้อนกลับ” (เช่น rewrite = เขียนใหม่, return = กลับมา)
- “pre-“ หมายถึง “ก่อน” (เช่น pre-order = สั่งจองล่วงหน้า, predict = ทำนาย)
- เพิ่มคลังคำศัพท์ เมื่อเข้าใจ Prefix เราจะสามารถขยายคลังคำศัพท์ของเราได้อย่างรวดเร็ว เพราะ Prefix ตัวเดียวสามารถนำไปประกอบกับ Root Word (รากศัพท์) หรือ Suffix (คำปัจจัย) ได้หลายคำ ทำให้เกิดคำศัพท์ใหม่ ๆ ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกัน
- ช่วยในการสะกดคำและจำคำศัพท์ การรู้ว่าคำนั้นมี Prefix อะไร จะช่วยให้จำรูปแบบการสะกดคำได้ง่ายขึ้นและลดความผิดพลาดในการสะกด
Suffix คืออะไร
Suffix คือหน่วยคำเล็ก ๆ ที่เติมด้านท้ายของคำหลักแล้วทำให้ความหมายของคำศัพท์ชัดเจนขึ้นหรือเปลี่ยนไป เช่น เปลี่ยนจากคำกริยาให้เป็นนาม เปลี่ยนจากคำคุณศัพท์ให้เป็นคำนาม หรือเปลี่ยนจากคำนามเป็นคำคุณศัพท์ เป็นต้น
คำศัพท์และหลักการใช้ Suffix
Suffix สามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มตามหลักการเปลี่ยนแปลงความหมายของคำศัพท์ มาดูกันว่ากลุ่มของ Suffix มีอะไรบ้าง ดังนี้
1. Noun Suffix
Noun Suffix คือ Suffix ที่เปลี่ยนคำนั้นให้เป็นคำนาม สังเกตได้จากคำที่ลงท้ายด้วย -ship, -ee, -ness, -dom, -hood, -al, -er, -or, -tion, -sion

ตัวอย่างคำศัพท์ Noun Suffix
- partnership มาจากคำว่า partner + ship แปลว่า ห้างหุ้นส่วน
- brotherhood มาจากคำว่า brother + hood แปลว่า ความเป็นพี่น้อง
- happiness มาจากคำว่า happy + ness แปลว่า ความสุข
- trainee มาจากคำว่า train + ee แปลว่า ผู้ฝึกงาน
- teacher มาจากคำว่า teach + er แปลว่า ครู
2. Adjective Suffix
Adjective Suffix คือ Suffix ที่เปลี่ยนคำนั้นเป็นคำคุณศัพท์ สังเกตได้จากคำที่ลงท้ายด้วย -able, -ible, -al, -en, -ful, -ish, -less, -ly, -ous
ตัวอย่างคำศัพท์ Adjective Suffix
- readable มาจากคำว่า read + able แปลว่า อ่านได้
- natural มาจากคำว่า nature + al แปลว่า เป็นธรรมชาติ
- wooden มาจากคำว่า wood + en แปลว่า ทำด้วยไม้
- hopeless มาจากคำว่า hope + less แปลว่า สิ้นหวัง, ไม่มีความหวัง
- dangerous มาจากคำว่า danger + ous แปลว่า อันตราย
3. Verb Suffix
Verb Suffix คือ Suffix ที่เปลี่ยนคำนั้นเป็นกริยา สังเกตได้จากคำที่ลงท้ายด้วย -ate, -en,-ise, ize, -ify
ตัวอย่างคำศัพท์ Verb Suffix

- activate มาจากคำว่า active + ate แปลว่า กระตุ้นให้ทำงาน
- strengthen มาจากคำว่า strenth + en แปลว่า ทำให้แข็งแรงขึ้น
- identify มาจากคำว่า identity + ify แปลว่า แสดงตัว, ระบุตัว
- optimize มาจากคำว่า optimal + ize แปลว่า ปรับให้ดีขึ้น
4. Adverb Suffix
Adverb Suffix คือ Suffix ที่เปลี่ยนคำนั้นเป็นกริยาวิเศษณ์ สังเกตได้จากคำที่ลงท้ายด้วย -ly, -ward, -wise
ตัวอย่างคำศัพท์ Adverb Suffix
- quickly มาจากคำว่า quick + ly แปลว่า อย่างรวดเร็ว
- easily มาจากคำว่า easy + ly แปลว่า อย่างง่ายดาย
- forward มาจากคำว่า fore + ward แปลว่า ไปข้างหน้า
- backward มาจากคำว่า back + ward แปลว่า ย้อนกลับหลัง
- clockwise มาจากคำว่า clock + wise แปลว่า ตามเข็มนาฬิกา
กฎการใช้ Suffixes
โดยทั่วไปแล้วเราจะเติม Suffix ต่อท้ายคำเดิมโดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างของคำนั้น เช่น hope เป็น hopeful หรือ care เป็น careless แต่ก็มีข้อยกเว้นบางกรณี ดังนี้
- ถ้าคำหลักลงท้ายด้วย “y” และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i ก่อนเติม Suffix เช่น
- happy เป็น happiness
- lazy เป็น laziness
- beauty เป็น beautiful
ยกเว้นถ้า Suffix ที่เติมขึ้นต้นด้วย i อยู่แล้ว เช่น -ing ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i ก่อน สามารถเติม -ing ลงในคำหลักได้ทันที เช่น study เป็น studying
- ถ้าคำหลักลงท้ายด้วย “e” ให้ ตัด e ทิ้งก่อนเติม Suffix ที่ขึ้นต้นด้วยสระ ตัวอย่างเช่น
- make เป็น making
- hope เป็น hoping
- create เป็น creation
ยกเว้นถ้า Suffix เริ่มด้วยพยัญชนะ ให้คง e ไว้ เช่น care เป็น careless, safe เป็น safety
- ถ้าคำหลักเป็นคำพยางค์เดียวและลงท้ายด้วยพยัญชนะตัวเดียว ให้เติมซ้ำพยัญชนะตัวสุดท้ายเพิ่มอีก 1 ตัวก่อนเติม Suffix ตัวอย่างเช่น
- run เป็น running
- sit เป็น sitting
- plan เป็น planned
ข้อควรระวังในการใช้ Suffix
- การเติม Suffix อาจไม่ได้เปลี่ยนความหมายของคำหลักเสมอไป แต่จะขยายหรือลดระดับของความหมาย ตัวอย่าง
- use + ful = useful หมายความว่า มีประโยชน์
- use + less = useless หมายความว่า ไร้ประโยชน์
- คำหลักบางคำอาจใส่ Suffix ได้มากกว่า 1 ชนิด เช่นคำว่า read ตัวอย่าง
- read + able = readable (เป็น Suffix Adjective) ความหมายคือ อ่านได้
- read + er = reader (เป็น Suffix Noun) ความหมายคือ ผู้อ่าน
จะเห็นได้ว่าทั้งสองคำมีความหมายต่างกัน ต้องเลือกใช้ในแต่ละบริบทให้ถูกต้อง
- การใช้ Suffix ตัวเดียวอาจให้ความหมายแตกต่างกัน เช่น Suffix คำว่า -less ตัวอย่าง
- Worthless แปลว่า ซึ่งไร้ค่า
- Priceless แปลว่า ประเมินค่าไม่ได้
การตีความหมายของคำใช้จึงต้องสังเกตบริบทของประโยคควบคู่ไปด้วย
ประโยชน์ของการรู้ Suffix
การรู้ Suffix มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างมากในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เช่นเดียวกับการรู้ Prefix ประโยชน์หลัก ๆ มีดังนี้
- ระบุประเภทของคำ (Part of Speech) Suffix เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดว่าคำนั้นเป็นคำประเภทใด (เช่น คำนาม, คำกริยา, คำคุณศัพท์, คำวิเศษณ์) การรู้ Suffix ช่วยให้เราเข้าใจโครงสร้างประโยคและไวยากรณ์ได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น
- -tion, -sion, -ment, -ness, -ity ใช้กับคำนาม (e.g., information, decision, enjoyment, happiness, ability)
- -able, -ible, -ful, -less, -ous ใช้กับคำคุณศัพท์ (e.g., comfortable, sensible, beautiful, harmless, dangerous)
- -ly ใช้กับคำวิเศษณ์ (e.g., quickly, happily, easily)
- -ize, -fy, -en, -ate ใช้กับคำกริยา (e.g., standardize, clarify, widen, activate)
- เปลี่ยนความหมายและประเภทของคำ Suffix สามารถเปลี่ยนความหมายหรือประเภทของคำได้ ทำให้เราสามารถสร้างคำศัพท์ใหม่ ๆ จากรากศัพท์เดิมได้ ตัวอย่างเช่น
- Act (คำกริยา) → Action (คำนาม), Active (คำคุณศัพท์), Actively (คำวิเศษณ์)
- Happy (คำคุณศัพท์) → Happiness (คำนาม), Happily (คำวิเศษณ์)
- ช่วยให้เดาความหมายของคำศัพท์ใหม่ แม้จะไม่ใช่การเดาความหมายโดยตรงเหมือน Prefix แต่การรู้ Suffix ช่วยให้เราเข้าใจ หน้าที่ หรือ ลักษณะ ของคำนั้น ๆ ทำให้สามารถตีความประโยคได้ถูกต้องมากขึ้น และหากเรารู้รากศัพท์ด้วย ก็จะสามารถเดาความหมายโดยรวมได้แม่นยำยิ่งขึ้น
Prefixes Suffixes เคล็ดลับสู่คำศัพท์แน่น ที่สถาบัน สอนภาษา Englishparks
หากต้องการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อสอบให้ได้คะแนนดี หรือเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนสอบวัดระดับภาษา และการเข้าใจ Prefix Suffix คือพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้เข้าใจคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากขึ้น คอร์สเรียนภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานของ Englishparks เหมาะกับผู้ที่กำลังเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ เพราะจะช่วยให้คุณจะได้ฝึกใช้ Prefix และ Suffix อย่างถูกต้อง พร้อมเทคนิคช่วยเดาคำศัพท์และเพิ่มคลังคำศัพท์ได้อย่างรวดเร็ว เป็นการปูพื้นฐานด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษและ Grammar เพื่อเตรียมสอบวัดระดับภาษา หรือต่อยอดไปเรียนคอร์สอื่น ๆ ได้อีกมากมาย

Prefix Suffix องค์ประกอบสำคัญของภาษาอังกฤษ
Prefixes และ Suffixes เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของภาษาอังกฤษ การเรียนรู้หลักการใช้ Prefix Suffix อย่างถูกต้องจะช่วยให้เข้าใจและเก่งคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากขึ้น เป็นการปูพื้นฐานไปสู่การเรียน Grammar และต่อยอดไปเรียนภาษาอังกฤษขั้นสูงสำหรับเตรียมสอบวัดระดับภาษา อาทิ TOEIC, IELTS, CU TEP และอีกมากมาย
Englishparks เป็นสถาบันสอนภาษาที่เชี่ยวชาญด้านการปูพื้นฐานภาษาอังกฤษอย่างเป็นระบบ เรามีคอร์สที่ออกแบบมาสำหรับผู้เรียนทุกระดับตั้งแต่คอร์สเรียนภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมสอบวัดระดับภาษาต่าง ๆ ไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็เริ่มเรียนได้ สอนโดยครูชาวไทยและครูเจ้าของภาษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษ พร้อมบรรยากาศการเรียนการสอนที่เข้าใจง่าย เป็นกันเอง สามารถพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ เตรียมความพร้อมก่อนสมัครสอบ และนำความรู้ไปใช้จริงได้อย่างที่ต้องการ
สนใจเรียนภาษาอังกฤษ ติดต่อ Englishparks ได้ที่ contact/
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments