สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ตรงเลยกับเรื่อง IELTS Life Skills เนี่ย มันคืออะไรกันแน่

เรื่องของเรื่องก็คือ มีน้องคนนึงที่ผมรู้จัก เค้าอยากจะไปอยู่อังกฤษกับแฟน แต่ติดตรงที่ต้องใช้ผลสอบภาษาอังกฤษนี่แหละ น้องเค้าก็กังวลใหญ่เลย กลัวว่าจะสอบ IELTS แบบปกติไม่ไหว มันดูยากเย็นเหลือเกินสำหรับเค้า ทั้งอ่าน ทั้งเขียน ทั้งฟัง ทั้งพูด โอ๊ย แค่คิดก็ท้อแล้ว ว่างั้น

ผมเองก็เลยอาสาช่วยหาข้อมูลให้ ตอนแรกก็มึนๆ ตึ้บๆ เหมือนกันครับ IELTS มันก็มีหลายแบบเนอะ จนไปเจอคำว่า “IELTS Life Skills” นี่แหละ เอ๊ะ มันคืออะไรหว่า ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ด้วยความอยากรู้ (และอยากช่วยน้อง) ก็เลยต้องลงมือค้นคว้ากันหน่อย

เริ่มค้นคว้าจริงจัง

พอเจอชื่อนี้ ผมก็เลยเริ่มเจาะลึกดูเลยครับว่ามันต่างจาก IELTS Academic หรือ General Training ที่เราคุ้นเคยกันยังไง ผมก็ลองไปคุยกับคนที่เคยมีประสบการณ์ หรือคนที่ทำงานด้านนี้ เค้าก็ให้ข้อมูลมาเยอะเลยครับ

ก็ได้ความว่า IELTS Life Skills เนี่ย มันเป็นข้อสอบที่ออกแบบมาเฉพาะทางเลยครับ สำหรับคนที่ต้องการยื่นวีซ่าบางประเภทของสหราชอาณาจักร (UK) โดยเฉพาะวีซ่าครอบครัว หรือวีซ่าสำหรับคู่สมรส หรือคนที่อยากจะไปตั้งรกรากที่นั่น อะไรทำนองนั้น

จุดเด่นของมันเลยก็คือ มันเน้นวัดทักษะการพูด (Speaking) และการฟัง (Listening) เท่านั้นครับ ไม่มีการสอบอ่าน (Reading) หรือเขียน (Writing) ให้ปวดหัวเหมือน IELTS แบบอื่น อันนี้แหละที่น้องผมตาลุกวาวเลย บอกว่าค่อยยังชั่วหน่อย!

แล้วมันก็มีระดับของมันด้วยนะ ไม่ใช่ว่าสอบแบบเดียวแล้วใช้ได้หมด หลักๆ ที่เจอก็จะมี:

• A1: อันนี้สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นเลย ยื่นวีซ่าคู่หมั้นคู่สมรสครั้งแรกๆ หรือวีซ่าครอบครัวบางประเภทที่ต้องการระดับภาษาขั้นพื้นฐานมากๆ
• A2: ขยับขึ้นมาหน่อย สำหรับต่อวีซ่าบางประเภทหลังจากอยู่ใน UK มาระยะหนึ่งแล้ว (อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจรายละเอียดมากนัก ต้องเช็คกับทางหน่วยงานอีกที)
• B1: อันนี้จะยากขึ้นมาอีกขั้น สำหรับยื่นขอถิ่นที่อยู่ถาวร (Indefinite Leave to Remain) หรือขอสัญชาติ เค้าก็อยากมั่นใจว่าเราสื่อสารในชีวิตประจำวันได้คล่องแคล่วพอสมควร

ของน้องผมเนี่ย เช็คดูแล้วจากประเภทวีซ่าที่เค้าจะยื่น ต้องการแค่ระดับ A1 ก็โล่งอกไปที ผมก็เลยบอกน้องไปว่า “เออ แบบนี้สบายหน่อย ไม่ต้องเครียดมาก”

แล้วสอบยังไงล่ะ?

พอรู้ว่าต้องสอบอะไรแล้ว ก็มาดูต่อว่าขั้นตอนการสอบมันเป็นยังไง จากที่ผมไปสืบเสาะมานะครับ ตอนสอบเนี่ย เค้าจะให้เราสอบกับผู้เข้าสอบอีกคนนึง (เป็นคู่) แล้วก็มีผู้คุมสอบ 1 คน บรรยากาศมันจะเหมือนเราคุยกันในชีวิตประจำวันนี่แหละครับ ไม่ได้เป็นทางการอะไรมาก

ผู้คุมสอบเค้าก็จะเริ่มจากถามคำถามง่ายๆ เกี่ยวกับตัวเอง ครอบครัว งานอดิเรก หรือเรื่องทั่วๆ ไป แล้วก็อาจจะให้เราสองคน (ผู้เข้าสอบ) คุยกันในหัวข้อที่เค้ากำหนดให้ หรือให้ช่วยกันทำกิจกรรมง่ายๆ เช่น วางแผนไปเที่ยวด้วยกัน หรือแก้ปัญหาง่ายๆ

หัวใจสำคัญเลยคือ การสื่อสารให้เข้าใจได้ ไม่ต้องเป๊ะแกรมม่าเว่อร์วังอะไรขนาดนั้น เค้าดูว่าเราโต้ตอบได้ไหม ฟังรู้เรื่องไหม พูดให้เค้าเข้าใจได้หรือเปล่า กล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็นง่ายๆ ออกมาไหม

ผมก็เลยแนะนำน้องไปว่า ให้ฝึกพูดเยอะๆ หาเรื่องมาคุยกับผมบ้าง กับเพื่อนบ้าง ดูหนังฟังเพลงภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ ที่เป็นบทสนทนาในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องไปหาศัพท์วิชาการอะไรมาท่องจำให้ปวดหัว

ผลลัพธ์ที่ได้

หลังจากเตรียมตัวอยู่พักนึง น้องผมก็ไปลงทะเบียนสอบ แล้วก็ไปสอบตามวันเวลาที่กำหนดเลยครับ ตอนรอลุ้นผลนี่ตื่นเต้นแทนเลยนะ เอาจริงๆ แต่สุดท้ายน้องก็ผ่านฉลุยครับ! ได้ผลสอบ IELTS Life Skills ระดับ A1 มาสมใจ ดีใจกันใหญ่เลยครับ ความกังวลที่เคยมีก็หายไปเยอะ

สรุปง่ายๆ เลยนะครับ จากประสบการณ์ที่ผมไปคลุกคลีมาเนี่ย IELTS Life Skills เนี่ย มันคือทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ต้องการทักษะภาษาอังกฤษระดับสูงมากเหมือนพวก Academic แต่จำเป็นต้องใช้ผลสอบเพื่อยื่นวีซ่า UK บางประเภท มันเน้นการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ได้ซับซ้อนเหมือน IELTS ตัวหลักๆ ที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆ

ก็หวังว่าประสบการณ์ที่ผมเอามาเล่าให้ฟังวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่นะครับ ใครมีญาติมีเพื่อนกำลังจะไป UK แล้วต้องใช้ผลสอบภาษาอังกฤษ ลองแนะนำเค้าดูเรื่อง IELTS Life Skills ได้ครับ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด! ถือว่าเป็นการแบ่งปันสิ่งที่ผมได้ไปเจอมาละกันครับ

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ