สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับเจ้าตัวที่ชื่อว่า PalFish เนี่ยแหละ ว่ามันคืออะไรกันแน่ จากที่ผมไปลองคลุกคลีตีโมงกับมันมาพักนึงเลยนะ
เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นน่ะ ผมเบื่องานประจำสุดๆ เงินเดือนก็น้อยนิด ใช้เดือนชนเดือนตลอด เลยพยายามมองหาลู่ทางทำอะไรเสริม เผื่อจะได้ตังค์เพิ่มมาหมุนบ้าง ก็ไถๆ ดูนั่นดูนี่ในเน็ตไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนอยากมีเงินเพิ่ม
ที่มาที่ไปของการรู้จัก PalFish
จนกระทั่งวันนึง ไปเจอคนพูดถึง PalFish ในกลุ่มเฟซบุ๊กนี่แหละ ตอนแรกก็งงๆ ชื่อแปลกๆ ปลาอะไรวะ? แต่เห็นคนสนใจเยอะ ก็เลยเอ๊ะ! มันต้องมีอะไรดีสิน่า เลยลองไปขุดคุ้ยหาข้อมูลดูครับ เข้าไปอ่านตามเว็บ ตามกระทู้ต่างๆ ที่คนมารีวิวกัน ส่วนใหญ่ก็บอกว่าเป็นแอปสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ ก็ยังไม่ค่อยเห็นภาพชัดเจนเท่าไหร่
ผมก็เลยตัดสินใจ เอาวะ! ลองโหลดแอปมันมาดูเลยละกัน จะได้รู้เรื่องไปเลยว่าเป็นยังไง พอโหลดมาปุ๊บ เปิดแอปเข้าไปดู โอ้โห หน้าตามันก็ดูเป็นสากลดีนะ มีทั้งส่วนสำหรับนักเรียน แล้วก็ส่วนสำหรับคนอยากเป็นครูสอน
สรุปแล้ว PalFish มันคืออะไร จากที่ผมลองมานะ
จากที่ผมลองสมัคร ลองเล่น ลองศึกษาดูอยู่หลายวัน ก็พอจะสรุปได้แบบบ้านๆ ตามความเข้าใจของผมเองนะ PalFish เนี่ย มันคือแพลตฟอร์มตัวกลาง ที่ให้คนอยากเรียนภาษาอังกฤษ (ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆ ชาวจีน หรือแถบเอเชีย) มาเจอกับคนที่อยากสอนภาษาอังกฤษ (ซึ่งก็คือคนจากทั่วโลกเลย รวมถึงคนไทยอย่างเราๆ นี่แหละ) ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือนั่นเอง
เราสามารถสมัครเข้าไปเป็นครูสอนได้ ถ้าเราพอมีทักษะภาษาอังกฤษอยู่บ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของภาษาเป๊ะๆ ก็ได้ แต่ก็ต้องสื่อสารรู้เรื่องนะ เค้าจะมีให้เราสร้างโปรไฟล์ ใส่ข้อมูลต่างๆ ทำวิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ เพื่อให้นักเรียนหรือผู้ปกครองเค้าดูแล้วตัดสินใจเลือกเรา
ประสบการณ์ตรงของผมกับการลองเป็นครูใน PalFish
พอรู้เรื่องคร่าวๆ แล้ว ผมก็คันไม้คันมือ อยากลองดูซักตั้งสิว่ามันจะเวิร์คไหม ก็เลยลองสมัครเป็นครูเลยครับ ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากมากนะ แต่ก็มีหลายสเต็ปอยู่ ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว อัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตน แล้วก็ที่สำคัญคือต้องทำวิดีโอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษนี่แหละ ตอนอัดวิดีโอนี่ก็เขินๆ พูดตะกุกตะกักไปหลายรอบเหมือนกัน ฮ่าๆๆ
หลังจากส่งใบสมัครไป ก็ต้องรอเค้าอนุมัติครับ ใช้เวลาอยู่พักนึงเหมือนกัน พออนุมัติผ่านแล้ว เราก็สามารถเข้าไปตั้งค่าโปรไฟล์ของเราให้ดูน่าสนใจ กำหนดเรทค่าสอนของเราเอง (แต่ก็จะมีเรทกลางๆ ที่แพลตฟอร์มแนะนำ) แล้วก็ไปเปิดตารางเวลาที่เราสะดวกสอนได้เลยครับ อยากสอนตอนไหนก็เปิดตอนนั้น คล้ายๆ กับเป็นฟรีแลนซ์นั่นแหละ
ช่วงแรกๆ ที่เปิดสอนนะ โอ๊ยยย เงียบกริบ! ไม่มีนักเรียนทักมาเลย ผมก็ใจแป้วไปเหมือนกัน นั่งมองจอโทรศัพท์แล้วก็คิดว่า “เอ๊ะ หรือเราทำอะไรผิดไปวะ” ก็เลยต้องพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในคอมมูนิตี้ของแอป โพสต์นั่นโพสต์นี่ โปรโมทตัวเองหน่อยๆ
จนในที่สุดก็มีนักเรียนคนแรกทักเข้ามาครับ เป็นเด็กน้อยชาวจีน น่ารักเชียว ตอนสอนครั้งแรกก็ตื่นเต้นมาก เตรียมตัวเยอะสุดๆ แต่พอได้สอนจริงๆ ก็สนุกดีนะ เด็กๆ เค้าก็พยายามจะสื่อสารกับเรา ถึงแม้บางทีจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องบ้าง อาศัยเปิดรูป เปิดการ์ตูนช่วยไป ฮ่าๆๆ
ผมลองสอนอยู่ได้พักใหญ่ๆ ครับ ก็มีทั้งช่วงที่นักเรียนเยอะ คิวเต็มเอียด แล้วก็มีช่วงที่เงียบๆ บ้างสลับกันไป สิ่งที่ผมสังเกตได้คือ:
- ความยืดหยุ่นเรื่องเวลา: อันนี้คือดีจริง เราจัดการเวลาเองได้เลย ว่างตอนไหนก็สอนตอนนั้น เหมาะกับคนที่อยากหารายได้เสริมมากๆ
- ได้ฝึกภาษา: ถึงเราจะไปสอนเค้า แต่เราก็ได้ฝึกภาษาอังกฤษของตัวเองไปด้วยในตัว ได้คุยกับคนต่างชาติจริงๆ
- รายได้ไม่แน่นอน: อันนี้ต้องยอมรับเลยว่ามันไม่เหมือนงานประจำ เดือนไหนขยัน มีนักเรียนเยอะก็ได้เยอะหน่อย เดือนไหนเงียบๆ หรือเราไม่ค่อยมีเวลาเปิดสอน รายได้ก็น้อยตามนั้น แถมยังมีค่าธรรมเนียมที่แพลตฟอร์มเค้าหักอีกนิดหน่อย
- การแข่งขันสูง: ครูในระบบเยอะมากครับ มาจากทั่วโลกเลยจริงๆ เราต้องหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอ ถึงจะดึงดูดนักเรียนได้
สุดท้ายแล้ว สำหรับผมนะ PalFish มันก็คืออีกช่องทางนึงในการหารายได้ผ่านระบบออนไลน์นี่แหละครับ มันไม่ได้สวยหรูเหมือนที่บางคนคิด ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปถ้าเราตั้งใจและพยายามจริงๆ มันเหมาะกับคนที่อยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อยากฝึกภาษา หรืออยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ
ใครที่กำลังสนใจอยู่ ผมแนะนำว่าลองศึกษาข้อมูลให้ดีๆ ลองดูรีวิวจากหลายๆ ที่ แล้วก็ลองถามใจตัวเองดูว่ามันเหมาะกับเราไหม เพราะประสบการณ์ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันจริงๆ ครับ ที่ผมมาเล่าวันนี้ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งจากประสบการณ์ของผมเท่านั้นเอง หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสงสัยว่า PalFish คืออะไรนะครับ
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments