สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับการลองใช้แอปสอนภาษาอังกฤษที่เห็นคนพูดถึงกันเยอะพอสมควร นั่นก็คือ PalFish นั่นเองครับ คือเรื่องของเรื่องเนี่ย ลูกชายผมเริ่มโตแล้วก็อยากให้แกได้ลองฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาดูบ้าง แต่ด้วยความที่ผมเองก็งานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาพาไปเรียนพิเศษข้างนอก เลยลองมองหาตัวช่วยออนไลน์ดูครับ

เริ่มจากความสงสัยล้วนๆ

ตอนแรกที่ได้ยินชื่อ PalFish ก็แบบ… เอ๊ะ มันคืออะไรนะ ดีจริงหรือเปล่า ราคาจะแรงไหม คำถามเต็มหัวไปหมดเลยครับ ก็เลยเริ่มจากการไปส่องๆ ดูรีวิวตามกลุ่มผู้ปกครองบ้าง ตามกระทู้ต่างๆ บ้าง บางคนก็บอกว่าดีมาก ลูกชอบ บางคนก็บอกว่าเฉยๆ ราคาสูงไปนิด ผมนี่ก็ยิ่งอยากรู้เลยตัดสินใจว่า “เอ้า! ลองเองเลยดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย!”

ลงมือสมัครและลองใช้งานจริง

ผมก็เริ่มจากโหลดแอป PalFish มาติดตั้งในแท็บเล็ตของลูกเลยครับ ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร กรอกข้อมูลนิดหน่อย ตั้งรหัสผ่าน แป๊บเดียวก็เสร็จเรียบร้อย พอเข้ามาในแอปครั้งแรก สิ่งที่เห็นคือหน้าตาแอปมันก็ดูมีสีสันสดใสนะครับ ดูเป็นมิตรกับเด็กดี มีตัวการ์ตูนอะไรแบบนี้ ลูกชายผมเห็นก็ดูตื่นเต้นนิดๆ

ทีนี้ก็มาถึงส่วนสำคัญ คือการเลือกครูผู้สอน ในแอปเนี่ยมีครูให้เลือกเยอะมากครับ มีทั้งครูที่เป็นเจ้าของภาษาแท้ๆ (Native Speaker) พวกครูจากอเมริกา อังกฤษ แคนาดา แล้วก็มีครูจากประเทศอื่นๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป ผมลองดูโปรไฟล์ครูแต่ละคน ก็จะมีคลิปแนะนำตัวสั้นๆ บอกว่าถนัดสอนเด็กเล็กไหม มีประสบการณ์แค่ไหน เราก็เลือกดูคนที่คิดว่าน่าจะเข้ากับลูกเราได้ครับ

การจองคลาสก็ทำผ่านแอปได้เลย เราสามารถเลือกวัน เวลาที่สะดวกได้ ส่วนใหญ่คลาสเรียนครั้งละประมาณ 25 นาที ซึ่งผมว่ากำลังดีสำหรับเด็กเล็กนะ ไม่นานจนเกินไปจนเบื่อ

ประสบการณ์การเรียนครั้งแรกของลูก (และของผมที่แอบดู)

พอถึงวันเวลาที่จองไว้ ผมก็ให้ลูกเตรียมตัวนั่งหน้าแท็บเล็ต ตอนแรกแกก็มีเขินๆ บ้างตามประสาเด็ก แต่พอครูเริ่มทักทาย เริ่มชวนคุยด้วยเกม ด้วยเพลง ลูกผมก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นครับ ครูที่ผมเลือกมา (เป็นครูชาวฟิลิปปินส์) ค่อนข้างมีเทคนิคในการดึงดูดความสนใจเด็กได้ดีเลย มีการใช้ภาพประกอบ ใช้ตุ๊กตามือบ้าง ลูกผมก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ดูสนุกกับการเรียนดีครับ ผมนั่งดูอยู่ห่างๆ ก็รู้สึกว่าเออ มันก็โอเคนะ ลูกได้โต้ตอบ ได้ฟังสำเนียงจริงๆ

แล้วเรื่องราคาล่ะ? คุ้มไหม?

มาถึงเรื่องที่หลายคนอยากรู้ ราคา! อันนี้ต้องบอกตามตรงว่าราคามีหลายระดับครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกครูแบบไหน (Native Speaker จะราคาสูงกว่า) และซื้อเป็นแพ็กเกจแบบไหน ถ้าซื้อเป็นคลาสเดี่ยวๆ ราคาก็อาจจะดูค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าซื้อเป็นแพ็กเกจแบบหลายๆ คลาสต่อเนื่อง ราคาก็จะถูกลงมาหน่อยครับ

ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าเทียบกับการต้องเสียเวลาเดินทางพาลูกไปเรียนข้างนอก ค่าน้ำมัน ค่าเสียเวลาต่างๆ การเรียนออนไลน์แบบนี้มันก็สะดวกสบายกว่าเยอะเลยครับ เปิดแท็บเล็ตก็เรียนได้เลย แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหม อันนี้คงต้องแล้วแต่การตัดสินใจของแต่ละบ้านเลยครับ ต้องลองชั่งน้ำหนักดูระหว่างความสะดวกสบาย คุณภาพการสอน กับงบประมาณที่เรามี

• ข้อดีที่ผมเห็นชัดๆ:
  • สะดวกมาก เรียนได้จากที่บ้าน ไม่ต้องเดินทาง
  • เลือกครูได้หลากหลาย เลือกคนที่คิดว่าเหมาะกับลูกเราได้
  • ลูกได้ฝึกพูดกับเจ้าของภาษาหรือคนที่ใช้ภาษาอังกฤษจริงๆ
  • เวลาเรียนยืดหยุ่น เลือกเวลาที่เราสะดวกได้
• ข้อที่อาจจะต้องพิจารณา:
  • ราคาอาจจะสูงสำหรับบางคนถ้าเทียบกับทางเลือกอื่น
  • ต้องมีอินเทอร์เน็ตที่ค่อนข้างเสถียร ไม่งั้นเรียนแล้วอาจจะติดขัด
  • ผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับตัวเด็กเองด้วยว่าให้ความร่วมมือแค่ไหน และครูที่เลือกด้วย

สรุปจากประสบการณ์ตรง PalFish ดีไหม?

ถ้าให้ผมสรุปจากที่ได้ลองให้ลูกเรียนมาสักพัก ผมว่า PalFish ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีนะครับสำหรับผู้ปกครองที่อยากให้ลูกได้ฝึกภาษาอังกฤษในสภาพแวดล้อมที่สนุกและสะดวกสบาย มันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบที่สุด หรือถูกที่สุด แต่โดยรวมแล้วประสบการณ์ของผมกับลูกก็ถือว่าค่อนข้างโอเคเลย ลูกผมดูสนุกกับการเรียนมากขึ้น กล้าพูดมากขึ้นนิดหน่อย ส่วนเรื่องราคา ก็คงต้องบริหารจัดการกันไปครับ อาจจะไม่ได้ให้เรียนทุกวัน แต่เลือกเรียนเป็นครั้งคราวเพื่อกระตุ้นการใช้ภาษาของแก

หวังว่าประสบการณ์ที่ผมเอามาแชร์วันนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับ PalFish อยู่นะครับ ลองเอาไปพิจารณากันดูครับผม!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ