สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยนะ เกี่ยวกับแอปสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ที่ชื่อ PalFish เนี่ยแหละ คือลูกผมก็เริ่มโตแล้วไง ก็อยากให้เค้าได้ภาษาอังกฤษติดตัวบ้าง เลยลองหาข้อมูลดู
ตอนแรกเลยนะ ผมก็เหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละครับ ไปเสิร์ชกูเกิลเลย พิมพ์ไปตรงๆ ว่า “palfish ดีไหม” “palfish ราคา” อะไรประมาณนี้ ก็มีข้อมูลขึ้นมาเยอะแยะเลย ทั้งคนชม ทั้งคนติ ก็อ่านๆ ไป แต่ใจมันก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ เพราะแต่ละคนก็ประสบการณ์ไม่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ
หลังจากนั้น ผมก็ลองไปถามเพื่อนๆ ที่มีลูกวัยไล่เลี่ยกันดูบ้าง บางคนก็เคยได้ยินชื่อ PalFish บางคนก็ไม่เคย แต่ก็มีเพื่อนคนนึงแนะนำว่า “เออ ลองโหลดมาให้ลูกเล่นดูก่อนสิ มันมีช่วงทดลองฟรีไม่ใช่เหรอ” ผมก็เออ จริงด้วยว่ะ ลองดูก็ไม่เสียหาย
ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการลองใช้งานจริง ผมก็ไปดาวน์โหลดแอป PalFish มาติดตั้งในแท็บเล็ตให้ลูกชาย เปิดแอปขึ้นมาครั้งแรก หน้าตามันก็ดูสีสันสดใสนะ มีตัวการ์ตูน มีเพลงอะไรดึงดูดเด็กๆ ดี ลูกผมก็ดูตื่นเต้นนะช่วงแรกๆ มันจะมีพวกบทเรียนฟรีให้ลองเล่นนิดหน่อย ก็ให้ลูกลองจิ้มๆ เล่นๆ ดูก่อน
พอลูกเริ่มสนใจ ผมก็เริ่มดูรายละเอียดเรื่องคอร์สเรียนกับครูต่างชาติจริงๆ จังๆ เค้าจะมีให้เลือกหลายแบบนะ ทั้งแบบเรียนตัวต่อตัว หรือเป็นกลุ่มเล็กๆ ราคามันก็ต่างกันไป บอกตามตรงว่าตอนเห็นราคาครั้งแรก ก็แอบสะดุ้งนิดนึงเหมือนกัน เพราะมันก็ไม่ใช่ถูกๆ เลยนะ ถ้าเทียบกับการไปหาเรียนพิเศษข้างนอกบางที่
ผมก็มานั่งคิดละ ว่าจะเอายังไงดี จะคุ้มไหม เลยตัดสินใจลองซื้อคอร์สแบบสั้นๆ ดูก่อน เอาแบบไม่กี่ครั้ง เพื่อดูว่าลูกเราจะชอบจริงไหม ครูสอนเป็นยังไงบ้าง
ช่วงที่ได้ลองเรียนจริงจังกับ PalFish
พอได้ลองเรียนจริงจัง ลูกผมก็ดูสนุกดีนะช่วงแรกๆ ครูฝรั่งเค้าก็มีวิธีการสอนที่ทำให้เด็กไม่เบื่อ มีเกม มีเพลง มีการ์ตูนประกอบ ลูกผมก็ได้พูดคุยโต้ตอบกับครูจริงๆ อันนี้ผมว่าดีเลยนะ มันช่วยเรื่องความกล้าแสดงออก แล้วก็ได้ฟังสำเนียงเจ้าของภาษาโดยตรง
แต่ก็มีบางจุดที่ผมสังเกตเห็นเหมือนกันครับ:
- เรื่องครู: ครูบางคนก็เข้ากับลูกเราได้ดีมาก สอนสนุก ลูกชอบ แต่บางคนก็อาจจะเฉยๆ หรือวิธีการสอนอาจจะยังไม่คลิกกับลูกเราเท่าไหร่ อันนี้ก็ต้องลุ้นเอาเหมือนกัน หรืออาจจะต้องลองรีเควสครูที่เราชอบดู
- เรื่องความสม่ำเสมอของเด็ก: อันนี้สำคัญเลย ช่วงแรกๆ ลูกผมเห่อมาก อยากเรียนทุกวัน แต่พอผ่านไปสักพัก ก็เริ่มมีอาการเบื่อๆ บ้าง อาจจะต้องคอยกระตุ้น คอยให้กำลังใจ หรือหาอะไรมาหลอกล่อบ้าง (ฮ่าๆ)
- เรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต: บางครั้งก็มีปัญหาเรื่องสัญญาณติดๆ ขัดๆ บ้าง ทำให้การเรียนไม่ค่อยราบรื่น อันนี้ก็ต้องเช็กเน็ตบ้านเราให้ดีด้วย
ส่วนเรื่องราคา PalFish เนี่ย ถ้าจะให้เรียนต่อเนื่องยาวๆ ก็ถือว่าต้องเตรียมงบไว้พอสมควรเลยครับ มันก็จะมีโปรโมชันออกมาเรื่อยๆ นะ ต้องคอยติดตามดู แต่โดยรวมสำหรับผม ผมมองว่ามันก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี สำหรับพ่อแม่ที่อาจจะไม่มีเวลาพาลูกไปเรียนข้างนอก หรืออยากให้ลูกได้เรียนกับเจ้าของภาษาจริงๆ
สุดท้ายแล้ว หลังจากลองเรียนคอร์สสั้นๆ ไป ผมกับภรรยาก็ตัดสินใจว่ายังไม่ซื้อคอร์สยาวต่อในทันทีครับ เพราะรู้สึกว่าลูกยังเล็กอยู่ อาจจะอยากให้เค้าได้ลองกิจกรรมอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นนะ ถ้าโตขึ้นอีกหน่อยแล้วเค้ายังสนใจ ก็อาจจะกลับมาพิจารณา PalFish อีกครั้ง
สรุปจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมนะ ถ้าถามว่า palfish ดีไหม ผมว่ามันก็มีข้อดีของมัน คือความสะดวก ได้เรียนกับครูต่างชาติ แอปน่ารัก แต่เรื่องราคาก็เป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาให้ดี แล้วก็ต้องดูด้วยว่าสไตล์การเรียนแบบนี้มันเข้ากับลูกเราหรือเปล่า เพราะเด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
ก็หวังว่าประสบการณ์ที่ผมเอามาแชร์วันนี้ จะเป็นประโยชน์กับพ่อๆ แม่ๆ ที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ PalFish อยู่นะครับ ลองเอาไปประกอบการตัดสินใจดูครับผม
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments