สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ กับการลองทำงานกับ Palfish ที่เห็นคนถามกันเยอะในพันทิปว่ามันดีไหม เป็นยังไงบ้าง ส่วนตัวผมก็เคยสงสัยเหมือนกัน เลยลองกระโจนเข้าไปทำดูเลย จะได้รู้กันไปเลยว่าเป็นยังไง!
จุดเริ่มต้นของการลอง Palfish
เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นผมมีเวลาว่างๆ อยู่บ้าง แล้วก็คิดว่าอยากหาอะไรทำเสริม หารายได้พิเศษนิดหน่อย บวกกับพอมีทักษะภาษาอังกฤษอยู่บ้าง เลยเริ่มมองหาพวกงานสอนออนไลน์นี่แหละครับ ตอนนั้นก็ไถๆ ดูในเน็ตไปเรื่อย แล้วก็ไปเจอคนพูดถึง Palfish ในพันทิปนี่แหละ บางคนก็ว่าดี บางคนก็ว่าเฉยๆ ผมเลยแบบ เอ้อ ลองเองเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องคาใจ!
ขั้นตอนการสมัครและเตรียมตัว
จำได้เลยว่าวันแรกที่ตัดสินใจจะลอง ผมก็เข้าไปโหลดแอป Palfish มาก่อนเลยครับ หน้าตามันก็ดูใช้งานไม่ยากนะ จากนั้นก็เริ่มกรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ตามที่เขากำหนด มีให้อัปโหลดรูปโปรไฟล์ด้วยนะ ผมก็เลือกรูปที่ดูเป็นมิตรที่สุดละ ฮ่าๆ
สิ่งที่ต้องเตรียมหลักๆ เลยก็คือ:
- ข้อมูลส่วนตัวทั่วไป
- วิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ (อันนี้แอบเขินนิดหน่อยตอนอัด)
- ใบรับรองต่างๆ ถ้ามี (เช่น TEFL/TESOL ผมไม่มีอันนี้ก็ผ่านได้นะ แต่ถ้ามีน่าจะดีกว่า)
- เตรียมสอบสัมภาษณ์ หรือทำ Demo lesson เล็กๆ ให้เขาดู
ตอนทำวิดีโอแนะนำตัวนี่ก็งมๆ อยู่พักนึงครับ พยายามพูดให้ชัดเจน เป็นธรรมชาติ แล้วก็ยิ้มแย้มเข้าไว้ ส่วน Demo lesson นี่ก็ต้องเตรียมเนื้อหา เตรียมพร็อพเล็กๆ น้อยๆ ไปสอนเด็ก ผมก็หาตุ๊กตาสัตว์แถวๆ นั้นมาประกอบฉากหน่อย ฮ่าๆ ลุ้นเหมือนกันนะว่าจะผ่านไหม
เริ่มสอนจริง และประสบการณ์ที่เจอ
หลังจากส่งข้อมูลไป รอไม่นานมากครับ ประมาณวันสองวันมั้ง ก็มีแจ้งเตือนมาว่าผ่านแล้ว! ดีใจสิครับ รออะไร จากนั้นก็เริ่มเข้าไปตั้งค่าโปรไฟล์ตัวเองให้เรียบร้อย กำหนดเวลาที่เราสะดวกสอนได้ แรกๆ ก็ยังงงๆ กับระบบมันอยู่บ้างครับ ว่าต้องกดยังไง เปิดคลาสตรงไหน แต่ลองจิ้มๆ เล่นๆ ดูก็พอเข้าใจได้
ช่วงแรกๆ ที่เปิดรับงาน:
- นักเรียนยังไม่เยอะ: อันนี้ต้องเข้าใจเลยว่าเราเป็นครูใหม่ โปรไฟล์ยังไม่ค่อยมีรีวิว คนก็ยังไม่ค่อยเห็น ต้องอาศัยความอดทนหน่อยครับ ผมก็พยายามออนไลน์บ่อยๆ ตามเวลาที่ลงไว้
- เตรียมตัวสอนแต่ละคลาส: ถึงแม้จะเป็นคลาสสั้นๆ แต่ก็ต้องเตรียมตัวนะ ดูว่าวันนี้น้องอายุเท่าไหร่ เนื้อหาเป็นเรื่องอะไร จะได้เตรียมเกม เตรียมเพลง หรือวิธีพูดคุยให้เหมาะกับเขา
- พลังงานต้องเยอะ: สอนเด็กนี่ใช้พลังงานเยอะกว่าที่คิดครับ โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ เราต้องแอคทีฟ ต้องสนุกไปกับเขา บางทีร้องเพลง เต้นตาม ทำเสียงเล็กเสียงน้อย คือทำทุกอย่างให้น้องเขาสนใจและสนุกกับการเรียน
- เรื่องเรทค่าสอน: ตอนแรกๆ เรทก็อาจจะยังไม่สูงมากครับ ต้องค่อยๆ สะสมชั่วโมงสอน สะสมรีวิวดีๆ ไปเรื่อยๆ เรทถึงจะค่อยๆ ขยับขึ้น
มีอยู่วันนึงจำได้เลยว่ามีคลาสติดๆ กันหลายคลาส สอนเสร็จคือเสียงแหบเลยครับ ฮ่าๆ แต่ก็สนุกดีนะ ได้เห็นเด็กๆ หัวเราะ ได้เห็นเขาพยายามพูดตามเรา มันก็เป็นความสุขเล็กๆ อย่างนึง
เรื่องปัญหาจุกจิกก็มีบ้างครับ เช่น สัญญาณอินเทอร์เน็ตของนักเรียนบางทีไม่ค่อยดี หรือบางทีระบบมันก็เอ๋อๆ บ้าง แต่โดยรวมก็แก้ไขกันไปได้
สรุปแล้ว Palfish ดีไหม สำหรับผม?
ถ้าถามผมว่า Palfish ดีไหม ผมว่ามันก็มีทั้งข้อดีและข้อที่ต้องพิจารณานะครับ
ข้อดีที่ผมเจอ:
- ความยืดหยุ่น: เราเลือกเวลาสอนเองได้ เหมาะกับคนที่อยากหารายได้เสริม หรือมีเวลาไม่แน่นอน
- ทำงานจากที่ไหนก็ได้: ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตกับมือถือหรือแท็บเล็ตก็สอนได้แล้ว สะดวกดี
- ได้ใช้ภาษาอังกฤษ: เป็นการฝึกฝนภาษาไปในตัวด้วย
- ได้เจอเด็กๆ น่ารัก: อันนี้แล้วแต่คนชอบนะ แต่สำหรับผมมันก็เพลินดี
ข้อที่อาจจะต้องคิดดูก่อน:
- รายได้ไม่แน่นอน: โดยเฉพาะช่วงแรกๆ นักเรียนอาจจะยังไม่เยอะ รายได้ก็อาจจะยังไม่สม่ำเสมอ
- ต้องใช้ความพยายามสูง: ไม่ใช่ว่าสมัครแล้วงานจะวิ่งเข้าหาเลยนะ ต้องแอคทีฟ ต้องสร้างโปรไฟล์ตัวเองให้น่าสนใจ
- การแข่งขัน: ครูในระบบก็มีเยอะพอสมควรครับ
- ต้องมีใจรักเด็ก: ถ้าไม่ชอบสอนเด็ก ไม่ชอบความวุ่นวาย อาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่
โดยรวมแล้ว สำหรับผมถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ได้ฝึกตัวเองหลายอย่าง ถามว่ารวยไหม ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็เป็นช่องทางหารายได้เสริมที่ดีช่องทางหนึ่งเลย ถ้าใครมีเวลาว่าง ชอบสอนเด็ก และอยากฝึกภาษา ผมว่า Palfish ก็น่าลองดูนะครับ แต่อย่าไปคาดหวังว่ามันจะ โอ้โห รวยเลยทันที ต้องให้เวลากับมันหน่อยครับ
ก็ประมาณนี้แหละครับ ประสบการณ์ของผมกับ Palfish หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสงสัยหรือหาข้อมูลอยู่นะครับ ลองพิจารณาดูว่าไลฟ์สไตล์และความคาดหวังของเราตรงกับสิ่งที่ Palfish ให้ได้หรือเปล่า แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีครับผม!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments