สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ กับเรื่องที่หลายคนชอบถามกันในพันทิปว่า Palfish ดีไหม ทำแล้วเป็นยังไงบ้าง ผมเองก็เคยสงสัยแบบนั้นเหมือนกัน จนได้ลองเข้าไปคลุกคลีอยู่พักใหญ่ เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังแบบบ้านๆ นะครับ
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมลอง Palfish
เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นผมกำลังมองหางานเสริมที่ทำจากที่บ้านได้พอดี งานประจำมันก็มีแหละ แต่มันมีช่วงว่างๆ ตอนเย็นๆ กับเสาร์อาทิตย์ที่อยากหาอะไรทำเพิ่ม แล้วก็เห็นคนพูดถึงการสอนภาษาอังกฤษออนไลน์กันเยอะ เลยเริ่มไปส่องๆ ดูว่ามีแพลตฟอร์มไหนน่าสนใจบ้าง
ตอนนั้นก็มีหลายตัวเลือกนะ แต่ Palfish เนี่ยมันดูเหมือนจะเข้าถึงง่ายสำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์สอนมาก่อน (หรือผมคิดไปเองก็ไม่รู้ 555) เห็นรีวิวผ่านๆ ตาว่าเน้นสอนเด็กๆ เป็นหลัก บทเรียนก็มีให้ ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะแยะมากมาย ก็เลยคิดว่า เอ้อ ลองดูซักตั้งจะเป็นไรไป
ขั้นตอนการสมัครและเตรียมตัว
ผมก็เริ่มจากโหลดแอปพลิเคชัน Palfish Teacher มาเลยครับ แล้วก็ทำตามขั้นตอนที่เขากำหนดไว้
- กรอกข้อมูลส่วนตัว: อันนี้ก็ทั่วไปครับ ชื่อ นามสกุล อีเมล เบอร์โทรศัพท์
- ส่งเอกสาร: จำได้ว่าต้องมีพวกสำเนาบัตรประชาชน แล้วก็วุฒิการศึกษา ถ้ามีพวกใบรับรองการสอนภาษาอังกฤษอย่าง TESOL, TEFL อะไรพวกนี้ก็จะดีมาก ตอนนั้นผมไม่มีใบเซอร์ฯพวกนี้โดยตรง แต่ก็ลองยื่นวุฒิปริญญาตรีที่เกี่ยวกับภาษาไปก่อน
- อัดวิดีโอแนะนำตัว: อันนี้สำคัญเลย เขาจะให้เราอัดวิดีโอสั้นๆ แนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ พูดถึงประสบการณ์ (ถ้ามี) หรือทำไมถึงอยากสอน
- ทำ Demo Class: เหมือนเป็นการทดลองสอนสั้นๆ ให้เขาดูว่าเราพอจะสอนได้ไหม มีทักษะการสื่อสารกับเด็กเบื้องต้นหรือเปล่า เขาก็จะมีสไลด์ตัวอย่างมาให้ลองสอนตามนั้น
จำได้ว่าตอนอัดวิดีโอกับทำเดโมเนี่ย เขินกล้องเหมือนกันนะ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ 555 แต่อก็พยายามทำให้ดีที่สุด หลังจากส่งข้อมูลทั้งหมดไปแล้ว ก็ต้องรอทาง Palfish ตรวจสอบและอนุมัติครับ ใช้เวลาอยู่พักนึงเหมือนกันนะ ไม่ได้ปุ๊บปั๊บได้เลย
ประสบการณ์ตอนได้สอนจริง
พอได้รับการอนุมัติแล้ว ก็ดีใจมากครับ! ทีนี้ก็ถึงเวลาเปิดรับนักเรียนจริงๆ แล้ว ช่วงแรกๆ ผมก็ยังงงๆ กับระบบนิดหน่อย แต่ก็ค่อยๆ เรียนรู้ไป
ลักษณะงานสอน:
- สอนเด็กเล็ก: นักเรียนส่วนใหญ่ที่ผมเจอจะเป็นเด็กเล็กชาวจีน อายุประมาณ 3-12 ขวบ ความซน ความน่ารักมาเต็ม (ฮา)
- บทเรียนสำเร็จรูป: Palfish จะมีบทเรียนมาให้เลยเป็นสไลด์ เราแค่สอนไปตามนั้น ซึ่งก็สะดวกดี ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมเนื้อหาเองมากนัก แค่ทำความเข้าใจบทเรียนก่อนสอนก็พอ
- เวลาสอน: ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเย็นๆ ถึงค่ำๆ ตามเวลาประเทศไทย เพราะเป็นช่วงที่เด็กจีนเลิกเรียนพอดี หรือวันเสาร์-อาทิตย์ก็มีคลาสเยอะหน่อย
- อุปกรณ์ที่ต้องมี: หลักๆ ก็ต้องมีสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่ลงแอปได้ อินเทอร์เน็ตต้องแรงและเสถียรพอสมควร หูฟังพร้อมไมค์ แล้วก็อาจจะมีพวกตุ๊กตา ของเล่น หรือภาพประกอบเล็กๆ น้อยๆ ไว้ดึงดูดความสนใจเด็กๆ
ความรู้สึกตอนสอน:
แรกๆ ก็ตื่นเต้นครับ กลัวพูดผิดกลัวเด็กไม่เข้าใจ แต่พอสอนไปสักพักก็เริ่มชิน เริ่มจับทางได้ว่าเด็กแต่ละคนชอบแบบไหน ต้องใช้พลังงานเยอะหน่อยในการดึงดูดความสนใจเด็กเล็กๆ บางทีก็ต้องทำเสียงสองเสียงสาม ร้องเพลง เต้นประกอบบ้างนิดหน่อย สนุกดีครับ เหมือนได้เล่นกับเด็กไปด้วย
เรื่องรายได้ ตอนนั้นมันก็ไม่ได้เยอะมากมายอะไรขนาดนั้นนะครับ มันขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงที่เราสอนได้ ยิ่งสอนเยอะก็ได้เยอะ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเวลาและความทุ่มเท บางทีก็มีเหนื่อยบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะวันที่เจอเด็กสมาธิสั้น หรือบางทีสัญญาณอินเทอร์เน็ตฝั่งนู้นไม่ดี ก็ต้องพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป
สรุปแล้ว Palfish ดีไหม สำหรับผมนะ
ถ้าถามผมว่า Palfish ดีไหม ผมว่ามันก็มีทั้งข้อดีและข้อที่ต้องพิจารณานะครับ
ข้อดีที่ผมเจอ:
- ยืดหยุ่นเรื่องเวลา: เราเลือกเวลาที่เราสะดวกเปิดสอนได้ (แต่ก็ต้องดูช่วงเวลาที่นักเรียนเยอะด้วย)
- ทำจากที่บ้านได้: ประหยัดเวลาและค่าเดินทาง
- ได้ฝึกภาษาอังกฤษ: ถึงเราจะสอน แต่ก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา
- เป็นประสบการณ์ที่ดี: ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ผ่านการสอนเด็กต่างชาติ
- บทเรียนมีให้: ไม่ต้องปวดหัวเรื่องเตรียมเนื้อหามาก
ข้อที่อาจจะต้องพิจารณา:
- รายได้ไม่แน่นอน: ขึ้นอยู่กับจำนวนนักเรียนที่จองคลาสเรา ซึ่งก็มีการแข่งขันพอสมควร
- ต้องใช้พลังงานสูง: โดยเฉพาะการสอนเด็กเล็ก ต้องแอคทีฟตลอดเวลา
- ปัญหาทางเทคนิค: เรื่องอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ควบคุมยาก บางทีก็มีผลกระทบต่อการสอน
- กฎระเบียบของแพลตฟอร์ม: ก็มีกฎระเบียบต่างๆ ที่เราต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
สำหรับผมเอง ทำ Palfish อยู่ประมาณเกือบปีครับ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ได้อะไรหลายอย่างเลย แต่หลังๆ มางานประจำเริ่มมีอะไรให้ทำมากขึ้น บวกกับรู้สึกว่าอยากจะลองไปทำอย่างอื่นบ้าง ก็เลยค่อยๆ เฟดตัวออกมา
ท้ายที่สุดแล้ว…
ผมว่า Palfish มันก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากหารายได้เสริม ชอบสอนเด็ก และมีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่สื่อสารได้ ถ้าถามว่าดีไหม มันคงไม่มีคำตอบตายตัวครับ ขึ้นอยู่กับความคาดหวัง ความถนัด และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนจริงๆ บางคนอาจจะชอบมาก ทำแล้วรุ่ง ได้เงินเยอะแยะก็มี แต่บางคนอาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะกับตัวเองก็ได้
ถ้าใครสนใจ ผมว่าลองศึกษาข้อมูลให้ดี แล้วลองสมัครดูเลยครับ ไม่เสียหายอะไร ได้หรือไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ประสบการณ์ของผมก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ลองด้วยตัวเองน่าจะรู้ดีที่สุดครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments