สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ตรงๆ กับการลองใช้งาน Palfish ดูนะครับ พอดีช่วงนั้นว่างๆ แล้วก็เห็นคนพูดถึงกันเยอะ เลยอยากรู้ว่าไอ้ Palfish เนี่ย มันดีจริงไหม แล้วเรื่องราคามันเป็นยังไง คุ้มค่าเหนื่อยรึเปล่า ก็เลยตัดสินใจลองสมัครดูเลยครับ
จุดเริ่มต้นการลอง Palfish ของผม
คือตอนนั้นผมก็มองหาช่องทางหารายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็อยากจะฝึกใช้ภาษาอังกฤษที่มีอยู่บ้าง เลยลองค้นๆ ดูในเน็ตนี่แหละครับ ก็ไปเจอ Palfish นี่แหละ เห็นเค้าบอกว่าเป็นแพลตฟอร์มสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้เด็กๆ ชาวจีน อายุประมาณ 3-12 ขวบ สอนแบบตัวต่อตัวผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือหรือแท็บเล็ตได้เลย เอ้อ น่าสนใจดีแฮะ ไม่ต้องเดินทางด้วย
เท่าที่ผมไปส่องๆ มา เค้าบอกว่าเป็นบริษัทจากจีนนะ ชื่อ Beijing DuWo Technology Co., Ltd. อะไรนี่แหละ เปิดมาตั้งแต่ปี 2015 โน่น หลักสูตรที่ใช้สอนก็ดูมีมาตรฐานนะ เค้าบอกว่าอ้างอิงจาก Pearson เลยด้วย ก็ดูน่าเชื่อถือในระดับนึง
ขั้นตอนการสมัครที่ผมเจอมากับตัว
เอาล่ะ มาถึงขั้นตอนการสมัครที่ผมได้ลองทำจริงๆ นะครับ บอกเลยว่าไม่ซับซ้อนอะไรมาก พอทำตามสเต็ปได้เรื่อยๆ
- ลงทะเบียน: เริ่มแรกเลยก็ต้องลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือของเรานี่แหละครับ กรอกๆ ไปตามระบบเค้าเลย
- สร้างโปรไฟล์: พอลงทะเบียนเสร็จ ก็มาถึงการสร้างโปรไฟล์ส่วนตัว อันนี้สำคัญเลยนะ เพราะเหมือนเป็นหน้าตาของเราที่จะให้ทาง Palfish แล้วก็ผู้ปกครองของเด็กๆ เห็น
- เขียนประวัติส่วนตัว (Bio): ตรงนี้ผมก็พยายามเขียนแนะนำตัวเองให้น่าสนใจหน่อย บอกประสบการณ์ที่เคยมี (ถ้ามี) หรือความตั้งใจที่เราอยากจะสอน
- อัดเสียงแนะนำตัว: อันนี้ก็เป็นอีกอย่างที่ต้องทำครับ อัดเสียงแนะนำตัวเองสั้นๆ ให้เค้าฟังสำเนียงภาษาอังกฤษของเรา ผมก็พยายามพูดให้ชัดถ้อยชัดคำที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ถ่ายคลิปวิดีโอแนะนำตัว: นอกจากเสียงแล้ว ก็ต้องมีภาพเคลื่อนไหวด้วยครับ ถ่ายคลิปวิดีโอแนะนำตัวเองประมาณ 2 นาที ผมก็พยายามยิ้มแย้มแจ่มใส สร้างบรรยากาศให้เป็นกันเอง
- รอการติดต่อกลับ: หลังจากส่งข้อมูลทุกอย่างไปหมดแล้ว ก็ถึงช่วงเวลาแห่งการรอคอยครับ ถ้าโปรไฟล์ของเราเข้าตาเค้า เค้าก็จะติดต่อกลับมา
- ทำ Demo Class: ถ้าผ่านด่านโปรไฟล์มาได้ เค้าก็จะให้เราทำ Demo Class ครับ อันนี้เหมือนเป็นการทดลองสอนจริงเลย มีเวลาให้เตรียมตัวนิดหน่อย แล้วก็สอนตามบทเรียนที่เค้ากำหนดมาให้ ผมนี่เตรียมตัวพอสมควรเลย ตื่นเต้นเหมือนกันนะตอนนั้น!
พอผ่าน Demo Class ได้ ก็ถือว่ากระบวนการสมัครเสร็จสิ้นครับ ก็เริ่มตั้งค่าเวลาที่เราสะดวกสอน แล้วก็รอรับนักเรียนได้เลย
แล้ว Palfish ดีไหม? ราคาเป็นยังไง? จากประสบการณ์ของผม
เอาล่ะ มาถึงคำถามสำคัญที่หลายคนอยากรู้ “Palfish ดีไหม ราคาเป็นยังไง?”
ในส่วนของ “ดีไหม” เนี่ย ผมว่ามันมีทั้งข้อดีข้อเสียนะ ต้องดูว่ามันเหมาะกับเราหรือเปล่า
ข้อดีที่ผมเห็น:
- ความสะดวก: ทำงานจากที่ไหนก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ต ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
- ความยืดหยุ่น: เลือกเวลาสอนได้เอง (แต่ก็ต้องดูช่วงเวลาที่เด็กจีนสะดวกเรียนด้วยนะ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเย็นๆ หรือวันหยุด)
- ได้ใช้ภาษา: เหมาะกับคนที่อยากฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารจริงๆ
- สื่อการสอน: เค้ามีสื่อการสอนเตรียมไว้ให้ค่อนข้างดีเลยครับ ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะแยะมากมาย
ข้อที่ผมคิดว่าอาจจะต้องพิจารณา:
- เรื่องเวลา: เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่อยู่จีน เวลาเรียนก็จะเป็นตามเวลาของเค้า อาจจะต้องตื่นเช้ามาก หรือสอนดึกหน่อย
- ความสม่ำเสมอของงาน: บางช่วงนักเรียนอาจจะเยอะ บางช่วงอาจจะน้อย ก็แล้วแต่ปัจจัยหลายอย่าง
- การจัดการกับเด็ก: เด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนน่ารักสอนง่าย บางคนก็อาจจะต้องใช้พลังงานเยอะหน่อยในการดึงความสนใจ
ส่วนเรื่อง “ราคา” หรือรายได้เนี่ย
เท่าที่ผมเจอนะครับ มันไม่ได้มีเรทตายตัวเป๊ะๆ มันขึ้นอยู่กับโปรไฟล์ของเรา ประสบการณ์ การสอนของเรา ถ้าเราทำได้ดี ผู้ปกครองชอบ นักเรียนติดใจ ก็มีโอกาสได้เรทที่ดีขึ้น หรือมีคลาสเข้ามาสม่ำเสมอ การจ่ายเงินเค้าก็จะมีรอบของเค้าครับ
สำหรับผมเอง ลองทำอยู่พักนึง ก็รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ แต่สุดท้ายแล้ว ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาส่วนตัวของผมเอง เลยไม่ได้ทำต่อยาวๆ ครับ แต่ก็ถือว่าได้รู้แล้วว่า Palfish มันเป็นยังไง
สรุปง่ายๆ จากที่ผมลองมานะ ถ้าคุณเป็นคนที่มีเวลาค่อนข้างยืดหยุ่น ชอบสอน ชอบใช้ภาษาอังกฤษ อยากหารายได้เสริมแบบไม่ต้องออกจากบ้าน Palfish ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ แต่ก็ต้องเตรียมตัว เตรียมใจรับมือกับความแตกต่างของเด็กๆ และเรื่องเวลาด้วย
หวังว่าประสบการณ์ที่ผมเอามาแชร์วันนี้ จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจ Palfish อยู่นะครับ ลองเอาไปพิจารณากันดูครับว่ามันเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราหรือเปล่า วันนี้ก็ประมาณนี้แหละครับ! สวัสดีครับ
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments