เอาล่ะทุกคน วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยกับการลอง pafish สมัครงาน เผื่อใครกำลังเล็งๆ อยู่ว่าจะทำดีไม่ทำดี หรือสงสัยว่ามันต้องทำอะไรบ้าง ตามมาเลยจ้า

จุดเริ่มต้นของการลองสมัคร PalFish

คือเรื่องมันเริ่มจากไถๆ เฟซบุ๊กไปเรื่อยเปื่อยตามปกติ แล้วก็เห็นเพื่อนคนนึงโพสต์ว่าสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ผ่านแอปนี้ได้เงินดีนะ เราก็แบบ เอ๊ะ! น่าสนใจแฮะ ปกติก็ว่างๆ ตอนเย็นๆ หลังเลิกงานอยู่แล้ว ลองดูหน่อยก็ไม่เสียหายเนอะ เลยตัดสินใจว่า เอาวะ! ลองสมัครดูซักตั้ง

ขั้นตอนการสมัครที่เจอมากับตัว

ขั้นแรกเลยนะ ก็ต้องไปโหลดแอป PalFish มาก่อนเลย พอโหลดเสร็จ เปิดแอปขึ้นมา มันก็จะมีให้เราลงทะเบียน เราก็กรอกๆ ข้อมูลส่วนตัวไปตามเรื่องตามราว ชื่อ นามสกุล อีเมล เบอร์โทร อะไรพวกนี้แหละ

ทีนี้มาถึงช่วงสำคัญละ มันจะมีให้เราเลือกประเภทบัญชีว่าจะสมัครเป็นครูแบบไหน ตอนนั้นที่เห็นมันมีแบบ Free Talk กับแบบ Official Kids Course เราก็เลือกๆ ไปตามที่เราสนใจแหละ (จำไม่ค่อยได้ละว่าตอนนั้นเลือกอันไหนไป ฮ่าๆ)

หลังจากนั้นนะ มันจะให้เราเตรียมเอกสารสำคัญๆ อย่างพวก:

• รูปโปรไฟล์สวยๆ ดูเป็นมิตรหน่อย
• สำเนาบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ต
• ใบรับรองการศึกษา หรือพวกใบประกาศนียบัตรต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษ (ถ้ามีก็จะดีมาก)
• แล้วก็ที่พีคสุดคือ อัดวิดีโอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ!

ไอ้ตรงอัดวิดีโอนี่แหละที่ใช้เวลาพอสมควรเลย ตอนแรกก็คิดว่าแป๊บเดียวเสร็จ ที่ไหนได้ อัดแล้วแก้อัดแล้วแก้ออยู่หลายรอบเลย อยากให้มันออกมาดูดีที่สุดอะนะ ก็ต้องพยายามพูดให้ชัดเจน สำเนียงก็พยายามให้เป๊ะ (ถึงจะไม่เป๊ะมากก็เหอะ ฮ่าๆ) แล้วก็ต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ทำเหมือนเราเป็นมิตรกับเด็กๆ อะไรประมาณนั้นเลย

ขั้นตอนการรอและการอนุมัติ

พอเตรียมเอกสารครบ กรอกข้อมูลทุกอย่างเรียบร้อย อัปโหลดวิดีโอเสร็จ ก็กดส่งใบสมัครไปเลยจ้า จากนั้นก็เข้าสู่โหมดการรอคอย… ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าจะนานแค่ไหน ก็ได้แต่เปิดแอปเข้าไปเช็คเรื่อยๆ วันละหลายรอบเลยแหละ

ผ่านไปประมาณ… น่าจะซักอาทิตย์นึงได้มั้ง (หรืออาจจะเร็วกว่านั้น จำแม่นๆ ไม่ได้ละ) ก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาในแอปว่า “ใบสมัครของคุณได้รับการอนุมัติแล้ว!” โอ้โห ตอนนั้นดีใจมากเลยนะ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แบบว่าเออ… ในที่สุดก็ได้เป็นครูสอนออนไลน์กับเขาสักที

พออนุมัติแล้ว เขาก็จะมีให้เราเข้าไปตั้งค่าโปรไฟล์เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย เช่น กำหนดตารางสอนของเราว่าว่างสอนวันไหนบ้าง เวลาไหนบ้าง แล้วก็อาจจะมีให้ทำแบบทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษเบื้องต้นอีกนิดหน่อย (อันนี้ไม่แน่ใจว่าทุกคนต้องทำไหมนะ)

สรุปส่งท้ายจากประสบการณ์

โดยรวมแล้ว ประสบการณ์การสมัครงาน PalFish ของเราก็ประมาณนี้แหละ ถามว่ายากไหม ก็ไม่ถึงกับยากมากนะ แต่มันก็ต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจพอสมควร โดยเฉพาะตรงเตรียมเอกสารกับอัดวิดีโอแนะนำตัว ใครที่ภาษาอังกฤษพอได้อยู่แล้ว ชอบสอน ชอบคุยกับเด็กๆ ก็น่าจะลองสมัครดูได้นะ ไม่เสียหายอะไร ถือว่าเป็นอีกช่องทางนึงในการหารายได้เสริม หรือจะทำเป็นงานหลักเลยก็ได้ถ้าขยันๆ หน่อย

หวังว่าเรื่องที่เรามาแชร์วันนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจอยากลองสมัคร PalFish ดูบ้างนะ ถ้ามีอะไรสงสัยอีกก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมในเน็ตดูได้เลย มีคนรีวิวไว้เยอะแยะเลยจ้า!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ